พ่อแม่ “หนุ่มคลั่ง” ยกมือไหว้ขอโทษลูกวอนกลับบ้าน

วันที่ 2 ก.พ. 2566 นายสวัสดิ์ พรมขวัญ อายุ 52 ปี พร้อมด้วยนางน้ำทิพย์ พรมขวัญ อายุ 49 ปี พ่อและแม่ของนายอุกฤษ พรมขวัญ (ติ๊ก) อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102 หมู่ 6 ต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นชายที่ครอบครองอาวุธปืน และยิงปืนขึ้นฟ้าช่วงเย็นวันที่ 15 ก.พ.จำนวน 1 นัด และช่วงเช้าวันที่ 16 ก.พ. จำนวน 1 นัด รวมทั้งยิงปืนอีก จำนวน 1 นัด เพื่อเปิดทางหนีการจู่โจมจับกุมของเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง (ชุดหนุมานตรัง) เมื่อคืนวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ออกมาพูดฝากไปถึงลูกชายผ่านสื่อ หลังขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ โดยแม่และพ่อ บอกว่า อยากให้ลูกกลับบ้าน ตนเองขอให้เจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกไป เพื่อเปิดทางให้ลูกกลับบ้านอีกครั้ง จะได้พูดจาสื่อสารกัน ตอนนี้กำลังหนีเตลิดเพราะตกใจเจ้าหน้าที่ ซึ่งลูกชายก็ไม่ได้ร้ายถึงขนาดนั้น เพียงแต่น้อยใจครอบครัวจึงขอโอกาสให้ลูกชายกลับมา โดยแม่ยกมือไหว้ฝากขอโทษลูกชายทั้งน้ำตา


ขณะที่พ่อก็กล่าวขอโทษด้วย บอกว่า ก่อนหน้านี้ทะเลาะกันทำให้ลูกมีความน้อยใจ ส่วนเรื่องจดหมายนั้นซึ่งใจความเนื้อหาเป็นการตัดพ้อครอบครัว ตนเองยังไม่ได้เห็นรายละเอียดข้างใน แต่รู้ว่ามีการน้อยใจในเรื่องของคำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งโดยส่วนตัวลูกชายจะเป็นคนขี้น้อยใจ พ่อขอโทษที่พูดจาไม่ดีกับลูก จะปรับปรุงตัว พ่อต้องการให้ลูกกลับบ้าน กลับมาคุยกัน พ่อกับแม่พร้อมจะเริ่มต้นใหม่ ทั้งนี้ ตนเองมีลูกด้วยกันทั้งหมด 2 คน คือ นายติ๊ก และลูกสาวอีกคน ตอนนี้ลูกสาวก็เป็นห่วงพี่ชายเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าพี่ชายไปอยู่ไหน หวาดกลัวเจ้าหน้าที่ และเป็นห่วงความปลอดภัยของพี่ชายด้วย ทั้งนี้ ตนเองและภรรยาเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์ในที่เกิดเหตุ แต่มาถึงเวลานี้ ปัญหาที่เกิดๆจากปัญหาภายในครอบครัว เชื่อว่าหากได้โอกาสเจอกับลูกชายก็จะสามารปรับความเข้าใจกันได้ และขอให้ลูกชายให้อภัยพ่อกับแม่ด้วย พ่อกับแม่ก็ให้อภัยลูกเช่นกัน ขอให้ได้กลับมาเริ่มต้นชีวิตกันใหม่ พ่อกับแม่รักลูกมาก ทำทุกอย่างรวมทั้งธุรกิจเลี้ยงหมูก็ให้ลูก ที่ผ่านมาลูกไม่เคยเที่ยวเตร่ ไม่เคยไปนอนค้างที่ไหน จะกลับบ้านตลอด ขยันทำงาน ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และคิดว่าตอนนี้คงไม่ได้พกปืนแล้ว จึงขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยเปิดทางให้ลูกชายกลับเข้าบ้านมาก่อน แล้วตมาพูดคุยปรับความเข้าใจกัน ตอนนี้เป็นห่วงลูกมาก ไม่ทราบว่ากินอยู่อย่างไร โดยพ่อบอกว่าอีก ลูกไม่ได้พัวพัน เรื่องน้ำใบกระท่อม หรือ ยาเสพติด มีแต่ความน้อยใจพ่อและแม่ล้วน ๆ ตัวเองเป็นคนพูดตรง พูดขาด ๆ ทำให้ลูกน้อยใจ ถ้าใครพบเห็นน้องติ๊ก พ่อใช้คำว่า “ไอ้หมาติ๊ก” ลูกชายของตน ช่วยแจ้งข่าวให้ลูกรับรู้ด้วยว่าพ่ออยากให้กลับบ้านมาคุยกัน ขอโทษที่ทำลงไป หลังจากนี้ครอบครัวจะหันหน้าพูดคุยและปรับตัวเข้าหากัน ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น โดยลูกชายเป็นคนขยันทำงานพอถึงเวลาก็จะเข้าไปดูแลในเล้าหมู ขยันทำงาน ขอโทษที่ทำให้ลูกน้อยใจ กลับมาบ้านนะ พ่อแม่ให้อภัยทุกอย่าง และอยากให้ลูกให้อภัยพ่อแม่ด้วย

ด้านนายสุระกุล มณีนพรัตน์ กำนันตำบลบางดี บอกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นเรื่องการเข้าใจผิด เป็นการน้อยเนื้อต่ำใจในครอบครัวตนเองก็ได้สอบถามกับชาวบ้านและผู้นำชุมชนในพื้นที่ ซึ่งน้องติ๊กเป็นเด็กดี ขยันทำมาหากิน ไม่ได้เป็นบุคคลที่อันตรายกับใครหรือไปทะเลาะกับใคร มีความน้อยเนื้อต่ำใจพ่อแม่จึงได้เกิดมีปากเสียงกัน และในส่วนของเจ้าหน้าที่ก็เข้าใจ ทางเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามหน้าที่และเห็นด้วยที่จะถอนกำลังเจ้าหน้าที่ เพื่อเปิดทางให้น้องกลับมาบ้าน ตอนนี้พ่อแม่น้องก็เป็นห่วงและลูกหายไปสองคืนแล้ว แล้วเราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทำงานกัน 24 ชั่วโมง ได้ประสานนายอำเภอ เข้ามาดูแลในพื้นที่อย่างใกล้ชิด หากใครเจอน้องก็ฝากบอกน้องเขาด้วย อยากให้น้องกลับมา พ่อแม่เขาพร้อมที่จะปรับตัวกันใหม่ และฝากทุกฝ่ายอย่าวิตกกังวล ตอนนี้ตนเองกับชาวบ้านก็ได้ประชาสัมพันธ์ไปแล้วว่าอย่าได้วิตกกังวล เพราะเขาไม่ได้มีอันตรายกับใคร เราก็เฝ้าดูแลพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง เผื่อประชาชนตื่นตระหนก ฝากประชาสัมพันธ์ให้น้องติ๊กกลับมา สงสารน้องเขา ทั้งนี้ ยืนยันในพฤติกรรมว่าไม่ใช้บุคคลอันตราย โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังน้องเขาหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปนั้น เขาไปขอข้าว น้ำ จากชาวบ้าน 2 หลัง ตนเองไปสอบถามชาวบ้านนั้นแล้ว ได้รับคำตอบว่า น้องถอดเสื้อเดินไปขอข้าว น้ำ กิน แสดงว่าน้องคงต้องการจะบอกกับชาวบ้านว่า เขาไม่ได้เป็นอันตรายใด ๆ แต่การที่เขายิงปืนหลบหนีนั้น คงต้องการหลบหนีไม่ต้องการถูกจับกุม

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามพนักงานร้านสะดวกซื้อ ทราบว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา น้องติ๊กได้เดินไปซื้อน้ำอัดลม และบุหรี่ โดยได้พูดคุยกับพนักงานนานไม่ต่ำกว่า 5 นาที โดยพนักงานยืนยันว่า เขาพูดจาดีมากกับพนักงาน สุภาพ ไม่มีท่าทีเป็นอันตรายใด ๆ และบอกพนักงานว่า เขาเครียด ขออย่าแจ้งตำรวจนะ เขามาซื้อน้ำกับบุหรี่แล้วเขาก็ไปเท่านั้น หลังจากนั้นผ่านไปประมาณ 10-15 นาที ตำรวจก็มาหา เอาภาพถ่ายมาให้ดูว่า ถ้าคนนี้มาให้แจ้งเจ้าหน้าที่ด้วย พนักงานก็บอกว่า มาแล้วไปแล้ว พูดจาดี สุภาพ เนื้อตัวมอมแมม ไม่มีท่าทีเป็นอันตรายใด ๆ   ล่าสุด ในเวลาประมาณ 17.00 น.เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง ได้ถอนกำลังออกไปแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดสายสืบ และฝ่ายปกครองดูแลพื้นที่ ตามคำร้องขอ แต่ก่อนหน้านั้น ในภาคเช้า เจ้าหน้าที่ก็พยายามลงพื้นที่ตามที่ชาวบ้านแจ้งว่า พบเห็นนายติ๊กผ่านไป เช่น ในพื้นที่ ต.หนองช้างแล่น เขตรอยต่อต.บางดี แต่เมื่อไปตรวจสอบ ก็ไม่พบแต่อย่างใด ขณะเดียวกันโรงเรียนอย่างน้อย 10 โรง ในพื้นที่ ต.บางดี, ต.หนองช้างแล่น และ ต.ห้วยนาง ได้สั่งหยุดเรียนกระทันหันก่อนเที่ยง ให้ผู้ปกครองไปรับบุตรหลานกลับบ้าน เพื่อความปลอดภัย และความสบายใจ

สุนิภา หนองตรุด/  จ.ตรัง

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ปลาหมอคางดำ" แก้เป็นระบบเดินหน้าครบ 5 มาตรการ จบปัญหา หนุนคืนความสมดุลสู่ระบบนิเวศ 
ผลงานชิ้นโบว์แดง "หิมาลัย" เผย "พีระพันธุ์-เอกนัฏ" ผสานกำลังปลดล็อก "โซลาร์รูฟท็อป" ได้สำเร็จ
“อรรถวิชช์-พงศ์พล-ฐิติภัสร์” พร้อมใจโพสต์ปกป้อง “พีระพันธุ์-เอกนัฏ” หลังสื่อทำเนียบตั้งฉายา “พีระพัง” ลั่นพร้อมพังทุกรูปแบบการโกงกิน
"การรถไฟฯ" ออกแถลงการณ์ ยันเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ "ที่ดินเขากระโดง" เดินหน้าทวงคืนตามกม. ไม่ใช่ละเมิดสิทธิปชช.
‘อี้ แทนคุณ’ พาเหยื่อร้องปคม. ถูกหลอกข้ามแดนลวงเปิดบัญชีม้า หลังพบมีหมาย 450 คดี
คืนส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2568 รถไฟฟ้าบีทีเอส - สายสีทอง ขยายเวลาให้บริการถึงตี 2
“เพื่อไทย” จัดเต็ม ชาวเชียงใหม่เรือนหมื่นแห่ฟัง “ทักษิณ” สว.ก๊องมั่นใจ พ่อใหญ่แม้วช่วยหาเสียงชนะแน่
ชาวบ้านทรุดก้มกราบ “ทักษิณ” ขอปรึกษาปัญหาชีวิต การ์ดรีบยกตัวออก
เกมแล้ว! หนุ่มแต่งรถประดับไฟสี ธีมคริสต์มาส ขับเฉิดฉายทั่วถนน ปรับฉ่ำๆ 2 ข้อหา
แจ้ง 4 ข้อหาหนัก 'อส.เมากร่าง' ยิงสนั่นกลางร้านข้าวต้ม ดับ 2 ศพ เปิดวงจรปิดอีกมุม เห็นวินาทีก่อเหตุชัด

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น