“จตุพร” ซัดหนัก “อุ๊งอิ๊ง” สอบตกภาวะผู้นำ ยังไร้ศักยภาพจะได้นั่งเป็นนายกฯ

“จตุพร” ซัดหนัก “อุ๊งอิ๊ง” สอบตกภาวะผู้นำ ยังไร้ศักยภาพจะได้นั่งเป็นนายกฯ

19 กุมภาพันธ์ 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้ไลฟ์สดเฟซบุ๊กประเทศไทยต้องมาก่อน จากคณะหลอมลวมประเทศไทย ตอน “แลไปข้างหน้า”ว่า จับมือได้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณได้ เพราะไม่ใช่ตัวหลักในการยึดอำนาจ แลไปข้างหน้าคือคำที่ศรีบูรพานำไปเขียนหนังสือ แต่ว่าเป็นคำไทย

 

 

การแลไปข้างหน้าต้องมองย้อนอดีตและสำนึกไปอนาคต เพราะว่าถ้าไม่มองย้อนอดีตก็ไม่สามารถกำหนดอนาคตได้ สถานการณ์การเมืองก็เป็นไปตามที่เราตั้งโจทย์เอาไว้ว่าจะเลือกเส้นทางอะไร และก็เป็นโจทย์เดิม เช่น กรณีเอาคนต่างด้าวมาคำนวณ ซึ่งใช้มาตั้งแต่การเลือกตั้งปี 62 แต่ว่าไม่มีผู้ร้องเข้าไป ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ก็ใช้รัฐธรรมนูญเดียวกันกกต.ชุดเดียวกัน กฎหมายลูกในมาตรานี้ก็ไม่ต่างกัน มามีการเปลี่ยนแปลงไปตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ว่าประเด็นนี้เป็นประเด็นเดียวกัน

 

“อย่างบอกว่าถ้าเลือกว่าไม่ผิดก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็สามารถนำคนต่างด้าวมามาคำนวณในการแบ่งเขตเลือกตั้งได้ แต่ถ้าบอกว่าผิด ขึ้นมาจะเป็นปัญหา เพราะจะทำให้การเลือกตั้งปี 62 มีคนไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าการเลือกตั้งไม่ชอบ เนื่องจากนำคนต่างด้าวมาคำนวณ จึงทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เพราะฉะนั้นอาจจะมีการถอยย้อนกลับไป โดยให้อำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีมาตรา 44 มาเป็นรัฐบาลจนกว่าจะมีการเลือกตั้ง อันนี้คือทางเลือกที่หนึ่ง ” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ส่วนทางเลือกที่สองต่อมาเรื่องการยุบพรรค แน่นอนที่สุดระเบียบใหม่ทำให้การยุบพรรคเร็วมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือจะเลือกกันตอนไหน แต่คนการเมืองรู้ว่าต้องรอให้สมัครเสร็จก่อนแล้วค่อยยุบพรรคในวันที่ใครก็ไปไหนไม่ได้ ถือเป็นการสิ้นสภาพไปโดยปริยาย หมายถึงผู้สมัครพรรคการเมืองที่ถูกยุบต้อบจบไป เพราะว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องสังกัดพรรคเมือง เมื่อไม่มีพรรสังกัดต้องจบไปเช่นเดียวกับพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งสองวีธีนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกหรือไม่เลือก แต่คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายจตุพร กล่าวต่อว่าประเด็นต่อมา คือ เรื่องที่นักข่าวไปถามพล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียะเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย หากเพื่อไทยพร้อมจับมือพลังประชารัฐหรือไม่ โดยพล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ ตรงไปตรงมาบอกว่า พร้อมจับมือเพราะ พล.อ.ประวิตรไม่ได้เป็นตัวหลัก ๆ ตัวหลักมีคนเดียวคือ พล.อ.ประยุทธ์ และพล.องอนุพงษ์ เผ่าจินดา ก็ไม่ใช่ จึงอยากถามว่า พรรคเพื่อไทยกล้าจะตอบคำถามเดียวกับ พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ตอบหรือไม่ อย่างน้อย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน ส่วนประชาชนจะคิดอย่างไรก็เป็นเรื่องของประชาชน แต่ส่วนตัวคิดว่าทั้ง 3 คนเกี่ยวข้องกัน เพราะในวันที่พรรคเพื่อไทยตามคนเสื้อแดงกลับบ้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เป็น ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ คือรอง ผบ.ทบ. แต่อย่างน้อยที่สุด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ก็แฟร์ ที่เชื่อว่า พล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์ ไม่เกี่ยว ส่วนประชาชนจะเชือหรือไม่ต้องไปตัดสินใจกันเอง เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการพูดความจริง และเมื่อ พล.ต.อเสรีพิศุทธิ์ กล้านำร่อง แต่พรรคเพื่อไทยจะกล้านำร่องหรือไม่

ประเด็นต่อมาคือพูดเรืองอุ๊งอิ๊ง ส่วนตัวไม่ได้พูดว่า อายุน้อย เพราะมีสิทธิเป็นนายกฯตามรัฐธรรมนูญเมื่ออายุ 35 ปีบริบูรณ์ แต่ว่าประเทศไทยเคยมีอมตะวาจาของอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษ ซึ่งตอนที่มีการยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงระบอกการปกครอง 2475 นายปรีดีอายุ 32 ปี และเป็นนายกรัฐมนตรีอายุ 40 ปี อย่างไรก็ตามในวันที่นายปรีดีพ้นจากตำแหน่งได้บอกว่าเวลาที่ข้าพเจ้ามีอำนาจ ข้าพเจ้าไม่มีประสบการณ์ แต่วันที่ข้าพเจ้ามีประสบการณ์ ข้าพเจ้าไม่มีอำนาจ

 

May be an image of 3 people and people standing

 

 

 

May be an image of 10 people and people standing

 

 

หากแปลในปัจจุบันคือ บ้านเมืองนี้อย่ามาลองผิดลองถูก ดังนั้นควรที่จะมีความพร้อม และความพร้อมที่ว่าไม่ใช่เรื่องอายุ เพราะเมื่อ น.ส.แพทองธาร มีอายุ 35 ปีขึ้นไปก็สามารถเป็นนายกฯได้ และอาจจะเป็นนายกฯที่อายุน้อยที่สุดตั้งแต่ปะเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีมา แต่สำคัญที่นายปรีดีเป็นด็อกเตอร์มีความรู้ความสามารถมากมาย ไม่ว่าเรื่องการเขียนกฎหมายหรือความรู้ด้านอื่น ๆ นายปรีดีเป็นนายกฯ หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองมาร่วม 8 หรือ 9 ปี แต่วันที่มีอำนาจไม่มีประสบการณ์ทั้งที่ผ่านประสบการณ์ทหลายอย่างทั้งรมว.มหาดไทย รัฐมนตรีอีกหลายตำแหน่ง เขียนรัฐธรรมนูญเต็มไปหมด

“คนที่อยู่ในดงอำนาจอย่างนายปรีดีในห้วงเวลานั้น กระทั่งเป็นนายกรัฐมนตรียังบอกว่าตอนมีอำนาจไม่มีประสบการณ์ แต่พอ มีประสบการณ์ก็บอกไม่มีอำนาจ ฉะนั้นประเทศไทยจะสุ่มเสี่ยงไม่ได้ ผมถึงบอกว่า อุ๊งอิ๊งจะเป็นนายกฯก็เป็นไปแถอะ และพรรคเพื่อไทยก็ควรแฟร์ คือเสนอแคนดิเดตคือคุณอุ๊งอิ๊งคนเดียว เพราะทุกพรรคอื่นก็เสนอนายกฯคนเดียวกันหมด แม้กระทั่งพรรคไทยศรีวิไลย์ ยังเสนอนายเต้ มงคลกิตต์ เป็นนายกฯคนเดียว ตอนนี้เพียงแค่ตอบคำถามว่า เพื่อไทยจะจับมือกับพรรคประชารัฐหรือไม่ ซึ่งพรรคเสรีรวมไทยนำร่องให้แล้ว แต่ประชาชนจะเชื่อหรือไม่ก็อีกแบบ

ในอดีตบ้านเมืองได้เห็น ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมท กับ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราฝดมทย์ โดย ม.ร.ว.คึกฤทิ์ เคยเป็นเลขาธิการคนแรกของประชาธิปัตย์ แต่ออกจากพรรคก็มาทำพรรคกิจสังคม ส่วนม.ร.ว.เสนีย์ เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนายควงอภัยวงศ์ โดยการเลือกตั้งปี 2518 ประชาธิปัตย์ขอ ม.รว.เสนีย์ได้ 78 แต่รวมไม่ถึงครึ่งทำให้แถลงจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ แต่ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ พรรคกิจสังคมมี 18 เสียง ก็รวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลอยู่ไม่ครบปี นั่นคือสองคนพี่น้องคู่หนึ่งที่อยู่คนละพรรค และเป็นคู่แข่งทางการเมือง

 

นอกจากนี้ยังมีอีกคู่ คือ นายบรรหาร ศิลปอาชา กับนายวราวธ ศิลปอาชา โดยในวันที่นายบรรหารพ้นจากตำแหน่งนายกฯไปแล้ว แต่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่ได้ตั้งนายวราวุธเป็นหัวหน้าพรรคชาติไทย โดยนายวราวุธเป็นหัวหน้าพรรคต่อจากพี่สาวในวันที่นายบรรหาล่วงลับไปแล้ว ส่วนอีกคู่นายชวน หลีกภัย กับนายสุรบถ หลีกภัย นายชวนเป็นนายกรัฐมนตรีสองครั้ง และมีบารมีมากที่สุดในประชาธิปัตย์ แต่อันดับปาร์ตี้นายสุรบถได้เป็นผู้แทนลำดับสุดท้าย สิ่งนี้คือทุกกระบวนการของแต่ละพรรคได้ผ่านการขับเคี่ยวที่เชี่ยวกราก เพื่อให้คนเข้าไปทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ ไม่ได้ใช้ความเป็นอภิสิทธิชน คือการเมืองที่ควรจะเป็น แต่ที่ยกตัวอย่างเพื่อจะบอกว่าซีกของนายทักษิณ ได้นายกฯยิ่งลักษณ์ ถือเป็นพี่น้องพรรคเดียวกันครั้งแรก แต่ ม.ร.ว.เสีนีย์ และ ม.ร.ว.ตึกฤทธ์ เป็นคู่แข่งกัน โดยม.ร.ว.เสนนีย์คนยกย่องว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ส่วน ม.ร.ว.คึกฤทธ์ เป็นปราชญ์มีความสามารถมากมายครบถ้วน จึงไม่มีใครสงสัยความรู้ความสามารถ

 

“กระทั่งรอยต่อ นายทักษิณมาถึงนายสมัคร สุนทรเวช ที่เป็นคนนอกคนเดียว จากนั้นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นสามีน้องสาว และมาถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ จนกระทั่งบัดนี้มาถึงคุณอุ๊งอิ๊ง ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเธอ เพราะมีสิทธิชอบธรรม แต่ว่าประเทศมันใหญ่เกินกว่า จะลองผิดลองถูก แต่ว่าเธอต้องฉายให้คนเห็นอย่างน้อยสัมภาษณ์จอมขวัญ และสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษเวิร์คพอยท์ ทูเดย์ ผมว่าต้องประเมินอย่างเป็นธรรม หรือแม้กระทั่งว่าเอาคนเพื่อไทย และหลับตาว่าไม่ใชลูกนายทักษิณ ความสามารถเป็นแสดงให้เห็นว่าเมื่อเทียบกับคนในพรรคเพื่อไทยที่มีความสามารถนั้น เธอชนะทุกคนใช่หรือไม่ โดยตัดออกไปว่าไม่ใช่ลูกนายกทักษิณ คนเพื่อไทยจะได้เห็นว่าเขามีความสามารถที่ประจักษ์หรือไม่ ถ้าไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด”

 

อย่างไรก็ตามนายจตุพร กล่าวย้ำทิ้งท้ายว่า น.ส.แพทองธาร ในวัย 36 ปีตามกฎหมาย เป็นนายกรัฐมนตรีได้แน่นอน แต่อยากให้นึกถึงคำของนายปรีดี ที่ผ่านประสบการณ์มากมาย แต่ยังบอกไม่มีประสบการณ์ และมานั่งเสียดายในวันที่ทำอะไรไม่ได้ เปรียบเสมือนในสมัยนายกฯยิ่งลักษณ์ที่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย ว่าถ้ารู้อย่างนั้นจะทำอย่างนั้น รู้อย่างนี้จะไม่ทำอย่างนี้ และอยากเตือนสติไปยังกองเชียร์ว่า อย่าคิดว่าฝั่งตรงข้ามไม่มีกำลัง เพราะความจริงเขาพร้อมกว่ามาก ดังนั้นจึงอยากให้พรรคเพื่อไทย และน.ส.แพทองธาร สู้ทางเดียว โดยประกาศว่าจะไม่จับมือกับพลังประชารัฐ เพราะมันแฟร์กับประชาชน จากนั้นก็ฉายภาพให้คนไทยเห็น ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ จะไปกำหนดอะไรเองไม่ได้ เพราะประวัติศาตร์บอกไว้ว่ามาอย่างไรก็ไปอย่งนั้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว
ผบ.ตร.สั่งสอบคลิปแก๊งต่างด้าว แสดงพฤติกรรมเย้ยกม. กำชับคุมเข้ม ใช้ยาแรง
รมว.วัฒนธรรม เปิดงานรวมญาติชาติพันธุ์ชาวเลครั้งที่ 14 ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว กระบี่ เร่งส่งเสริมวิถีชีวิต วัฒนธรรมชาวเล
ป้าย สุดเจ๋ง "รับซื้อบ้านผีสิง" เจ้าของป้ายรับซื้อจริง มารีโนเวทขาย
"สุดาวรรณ" เยี่ยมชมชุมชนชาวเลสังกาอู้-วิถีวัฒนธรรมชาวเลอูรักลาโวยจ จ.กระบี่
สจ.ธรรมชาติฟ้องตรงอัจฉริยะเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท
อย.ตรวจพบสารอันตรายใน อาหารเสริม “กัมมี่” แบรนด์ดัง เร่งดำเนินคดีตามกม.ผู้ผลิต
กระบะสี่ประตูถอยชนกระบะแคปในปั้มน้ำมันแล้วหนีไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สาววัย 41 ปี เจ้าของกระบะแคปหวังเพียงคำขอโทษ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น