“บัตรทองพรีเมี่ยม” ยุค “พล.อ.ประยุทธ์” เพิ่มสิทธิประโยชน์ เข้าถึงการรักษาอย่างแท้จริง

“ทิพานัน” โชว์ผลงาน “พล.อ.ประยุทธ์” ผู้นำหลักประกันสุขภาพไทยเปลี่ยนผ่านสู่ “บัตรทองพรีเมียม” ได้สำเร็จ ชูทันสมัยรวดเร็ว ทั้งฟอกไตฟรี-รักษามะเร็งฟรี-รับยาร้านสะดวกซื้อฟรี-ย้ายหน่วยรักษาฟรี ได้แล้ววันนี้ ชวนประชาชนเช็คสิทธิประโยชน์อีกเพียบที่"แอป สปสช."

วันที่ 20 ก.พ. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เร่งขับเคลื่อนให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ เท่าเทียมและทั่วถึง หลักประกันสุขภาพไทยได้เปลี่ยนผ่านบัตรทอง หรือบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า ให้กลายเป็น “บัตรทองพรีเมี่ยม” ยกระดับการบริการ เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ครอบคลุมและทลายข้อจำกัดต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างแท้จริง

ข่าวที่น่าสนใจ

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สำหรับบัตรทองพรีเมียมในยุคของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ให้สิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์มากมาย เช่น เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติมีสิทธิเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ในหน่วยบริการสาธารณสุขทุกที่ โดยไม่เก็บค่ารักษาพยาบาลภายใน 72 ชั่วโมงหรือพ้นภาวะวิกฤต รักษาโรคติดเชื้อไวรัส-19โควิดฟรี โดยสามารถเข้ารักษาในหน่วยบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ ผู้ป่วยโรคมะเร็งรับบริการที่ไหนก็ได้ ย้ายหน่วยบริการได้ทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน ให้สิทธิฟอกไตฟรี เพิ่มบริการสำหรับแม่และเด็ก มะเร็งปากมดลูก การตรวจคัดกรอง การเพิ่มวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก รักษาโรคมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและต่อมน้ำเหลือง โรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซียาต้านไวรัส HIV เพิ่มสิทธิด้านวัคซีน 5 ชนิด (คอดีบ บาดทะยัก ไอกรนไวรัสตับอักเสบบี และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ รวมทั้ง การใช้กัญชาทางการแพทย์ ในผู้ป่วยโรคมะเร็งพาร์กินสัน ไมเกรน ผ่าตัดฝังประสาทหูเทียมสำหรับเด็กหูหนวก การให้บริการแว่นตาเด็ก แจกผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับการขับถ่ายสำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้มีปัญหากลั้นขับถ่ายการรักษาผู้ป่วยติดบ้านหรือผู้ป่วยติดเตียงในชุมชนทุกสิทธิและทุกกลุ่มอายุ และยังลดภาระการเดินทางไปสถานพยาบาลของประชาชนลดความแออัดใน โรงพยาบาลขนาดใหญ่ สามารถรับยาที่ร้านขายยาแผนปัจจุบันใกล้ เป็นต้น

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนสมัครรับสิทธิบัตรทองพรีเมียม และสมัครให้บุตรหลาน เพื่อเลือกหน่วยบริการ ซึ่งสามารถสมัครได้ตั้งแต่วัยแรกเกิด ซึ่งในปี 2566 ได้มีการเพิ่มสิทธิใหม่ที่ได้มากกว่าเดิมได้แก่
1. การดูแลภาวะความดันเลือดในปอดสูงในทารกแรกเกิด (Persistent Pulmonary Hypertension of the Newborn)
2. บริการทันตกรรม Vital Pulp Therapy หรือการรักษาเนื้อเยื่อในฟันกรามแท้
3. บริการรากฟันเทียม
4. บริการห้องฉุกเฉิน คุณภาพภาครัฐ
5. ผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับ
6. บริการยาป้องกัน การติดเชื้อเอชไอวี
7. เพิ่มยาจำเป็นแต่มีราคาแพง ในกลุ่มบัญชียา จ (2) จำนวน 14 รายการ
8. บริการดูแลผู้ป่วยกึ่งเฉียบพลัน
9. บริการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับพิษ
10. เพิ่มเติมบริการที่คลินิกการพยาบาลฯ กายภาพบำบัด คลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกเวชกรรมและคลินิกทันตกรรม
เพิ่มเติมบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคปี 2566
1. การตรวจไวรัสตับอักเสบบี (HBe Ag) ในหญิงตั้งครรภ์
2. บริการคัดกรองธาลัสซีเมียในสามีหรือคู่ของหญิงตั้งครรภ์ทุกราย
3. บริการคัดกรองซิฟิลิสในสามีหรือคู่ของหญิงตั้งครรภ์ทุกราย
4. บริการสายด่วนเลิกบุหรี่และสายด่วนสุขภาพจิต
5. บริการคัดกรองปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
6. บริการคัดกรองมะเร็งและมะเร็งช่องปาก
7. บริการคัดกรองผู้ป่วยโรคพันธุกรรมเมตาบอลิกด้วยเครื่องTandem mass spectrometry (TMS) เด็กแรกเกิด
8. บริการคัดกรองและค้นหาวัณโรคในกลุ่มเสี่ยงสูง
9. บริการตรวจยีน BRCA1/BRCA2 ในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีความเสี่ยงสูงและญาติสายตรงที่มีประวัติครอบครัว ตรวจพบยีนกลายพันธุ์

พี่น้องประชาชนสามารถลงทะเบียนสมัครได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือสมัครผ่านแอพทำบัตรทองออนไลน์ ผ่านสปสช. โดยการดาวน์โหลดแอพผ่านทาง App Store https://apple.co/3ICV80i และ play Store https://bit.ly/41bEtIo โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน สปสช. 1330

“จะเห็นว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ บริหาร “กองทุนบัตรทอง” ให้ดีกว่าเดิมและเพิ่มสิทธิรักษาโรคให้ครอบคลุมพรีเมียม รวดเร็วพร้อมกับมีงบประมาณใช้จ่ายรองรับตามความต้องการของประชาขนได้อย่างมั่นคง มีวิสัยทัศน์ผู้นำที่พร้อมเดินหน้าและเพิ่มสิทธิให้ประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งที่ผ่านมาสปสช. ดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ สปสช.มาแล้ว 5 ระยะ คือ ระยะที่ 1 (ปี 2546-2550) สร้างระบบด้านหลักประกันสุขภาพให้กับคนไทย ระยะที่ 2 (2551–2554) เพิ่มประสิทธิภาพ โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ระยะที่ 3 (ปี 2555–2559) ความยั่งยืนของระบบฯ ครอบคลุมทุกคนบนผืนแผ่นดินไทย และระยะที่ 4 (ปี 2560-2565) ประชาชนเข้าถึงบริการ การเงินการคลังมั่นคง ดำรงธรรมาภิบาล และล่าสุด คือระยะที่ 5 (ปี 2566-2570) โดยมุ่งเน้นให้ ทุกคนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินไทย ได้รับความคุ้มครองหลักประกันสุขภาพอย่างถ้วนหน้าด้วยความมั่นใจ” น.ส. ทิพานัน กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“ทักษิณ” ลั่นปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ ต้องจบในรัฐบาลนี้ ยึดการพูดคุย เป็นแนวทางสร้างสันติสุข
เลขาธิการ สปส. แจงเสถียรภาพ "กองทุนประกันสังคม" ย้ำชัดสิทธิประโยชน์ดีเพิ่มขึ้นทุกปี
คึกคักสุดๆ แห่เที่ยวตามรอย "ลิซ่า" ในซีรีส์ The White Lotus 3 ทำยอดจองโรงแรมเกาะสมุยพุ่ง
ผู้ลี้ภัยแอลจีเรียไล่แทงตำรวจในฝรั่งเศส
เต่าทะเลกว่า 6 แสนตัวแห่วางไข่ที่ชายหาดอินเดีย
ฮามาสปล่อย 6 ตัวประกันสุดท้ายภายใต้ข้อตกลงเฟสแรก
‘Super AI Engineer Season 5’ รวมพลังรัฐ-เอกชน-ประชาสังคม ปั้นบุคลากร AI เสริมขีดความสามารถแข่งขันไทย
"ดร.ปณิธาน" ยกพัทยาโมเดล แก้ปัญหา "ชาวอิสราเอล" ล้นเมืองปาย แนะหน่วยมั่นคงบังคับใช้กม.ใกล้ชิด
"อดีตสว.สมชาย" แฉโพย ฮั้วเลือกสว. ชี้เป็นหลักฐาน ดีเอสไอ เร่งนำลากไส้ตัวการใหญ่
‘ทักษิณ’ ปลื้มลงพื้นที่นราธิวาส ในรอบ 19 ปี ปชช.รอต้อนรับ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น