20 ก.พ. 2566 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล เปิดหลักฐานเพิ่มเติมหลังจากการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เปิดโปงกรณี ไทยเทา-จีนเทา ซึ่งพาดพิง นายอุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. ทำให้ถูกฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท เรียกร้องค่าเสียหาย 100 ล้านบาทนั้น
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นายอุปกิต เคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และกรรมการของบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด ถูกเชื่อมโยงว่าเป็นบริษัทเพื่อฟอกเงินผิดกฎหมายของ ทุนมินลัต นักธุรกิจชาวเมียนมา เมื่อมีการจับกุมทุนมินลัต นายอุปกิตก็รีบออกมาชี้แจงว่าได้ขายหุ้นและลาออกจากตำแหน่งแล้ว แต่ตนจะมาพูดถึงการขายหุ้นขายโรงแรมที่อ้างว่าทำไปแล้วก่อนมาเป็น ส.ว. ว่าจริงเท็จอย่างไร
เอกสารที่นายอุปกิต ยื่นประกอบบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. คือเอกสารสัญญาซื้อขายอาคารและกิจการโรงแรม ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 สัญญาระบุว่า นายอุปกิต เป็นผู้ขาย ทำสัญญากับ นายชาคริส กาจกำจรเดช ผู้ซื้อ ตกลงซื้อขายอาคารตึกคอนกรีตเสริมเหล็ก 3 ชั้น จำนวน 1 หลัง ห้องพักจำนวน 78 ห้อง และกิจการโรงแรม Allure Resort และสิทธิการใช้ประโยชน์บนที่ดินอันเป็นที่ตั้งของอาคารดังกล่าว ในราคา 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐ ชำระเงินในเดือนสิงหาคม 2562 และตกลงกันว่าจะส่งมอบและรับมอบการครอบครองอาคารดังกล่าวในวันเดียวกันกับวันที่ทำสัญญา
“สารสัญญาฉบับนี้ คือสิทธิและหน้าที่เกี่ยวกับโรงแรมตามสัญญา BOT ต้องเป็นของบริษัท Allure Group หรือ Myanmar Allure ถ้าจะมีการขายโรงแรมให้ผู้อื่นก็ควรเป็นการที่ นายอุปกิต ขายหุ้นของตัวเอง แต่สัญญาฉบับนี้กลับมีชื่อบุคคลธรรมดา 2 คน ไม่ใช่นิติบุคคล และไม่ได้เป็นสัญญาเพื่อซื้อขายหุ้นของบริษัท แต่เป็นการซื้อตึกและกิจการโรงแรม และสิทธิใช้ประโยชน์บนที่ดินโรงแรม หมายความว่า ตามสัญญานี้สิทธิในโรงแรม Allure Resort จะต้องตกเป็นของบุคคลธรรมดาที่ชื่อ นายชาคริส เป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ นี่คือความไม่ชอบมาพากลของการขายโรงแรมอ้างต่อ ป.ป.ช.