“เพื่อไทย” เปิดเกม ไม่มีพรรคพี่น้อง สกัด “หญิงหน่อย” รุกคืบอีสาน

ความจริงแล้วการตีสกัดคุณหญิงสุดารัตน์นั้น พรรคเพื่อไทยกระทำอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เคยให้สัมภาษณ์ว่า การหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อไทยไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง ส่วนพรรคที่มาแอบอ้างเป็นพรรคพี่พรรคน้องในการหาเสียงนั้น ทำให้ประชาชนสับสนไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือหรือภาคอีสาน เราประกาศชัดว่า เพื่อไทยไม่มีพรรคสาขา”

แม้กระทั่งตัวพ่ออย่าง “โทนี่ วู๊ดซั่ม” ทักษิณ ชินวัตรยังเคยย้ำผ่านแคร์คลับเฮ้าส์ว่า “ไปบอกคนในพื้นที่อีกว่า นี่เป็นพรรคสาขากัน เลือกใครก็เหมือนกัน สับสนกันไปหมด”

เป็นการสอดประสานแบ่งงานกันตี เพื่อหวังจะสกัดคุณหญิงสุดารัตน์ให้พ้นเส้นทางอีสาน แต่อะไรเป็นปัจจัยทำให้ความนิยมในตัวคุณหญิงสุดารัตน์ขยับขึ้นต่อเนื่อง หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือ คุณหญิงสุดารัตน์เล่นการเมืองด้วยความชัดเจนเด็ดขาด โดยเฉพาะการประกาศจุดยืนของพรรคไทยสร้างไทยที่จะไม่มีวันร่วมสังฆกรรมกับรวมไทยสร้างชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และพลังประชารัฐของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

ขณะที่พรรคเพื่อไทยยังเล่นการเมืองตามใบสั่งของนายทักษิณเพื่อหวังตีกินสองฝั่ง โดยมาถึงวันนี้เพื่อไทยยังไม่กล้าประกาศจุดยืนที่จะไม่จับมือกับพลังประชารัฐ ซึ่งประเด็นนี้ส่งผลให้คนเสื้อแดงรวมถึงกองเชียร์ฝั่งไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร มองพรรคเพื่อไทยว่ากำลังเล่นเกมอะไร แต่ในทางกลับกันคนกลุ่มนี้กลับมองเห็นถึงความชัดเจนของคุณหญิงสุดารัตน์ ซึ่งเรื่องนี้อาจส่งผลให้พรรคไทยสร้างไทยเข้ามาแชร์เก้าอี้ ส.ส.กับพรรคเพื่อไทยในพื้นที่อีสานก้เป็นไปได้

อีกหนึ่งจุดเด่นของคุณหญิงสุดารัตน์ในการปราศรัยคือ นโยบายที่จะทำให้พี่น้องประชาชชนมีชีวิตดีขึ้น โดยเฉพาะคำมั่นที่จะทำให้ชาวอีสานหายจนภายใน 3 ปี ด้วยนโยบาย “อีสานมั่งคั่ง” บอกลาความแห้งแล้ง ตามด้วยมาตรการ ลดหนี้ ลดค่าใช้จ่ายทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรม และที่สำคัญนโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาท ที่โดนใจคนวัยใกล้เกษียณ

ขณะที่การปราศรัยของ “อุ๊งอิ๊ง” เป็นแบบซ้ำซาก จำเจทุกเวที คืออ้อนขอให้คนอีสานเลือกเพื่อไทย ขอแลนด์ไสลด์ ขอให้ช่วยพาพ่อ และอากลับบ้าน ซึ่งตรงนี้อาจสร้างความเบื่อหน่าย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่วัยหนุ่มสาวที่ไม่ได้สนใจการเมืองแบบเดิม ๆ แต่ต้องการเห็นพรรคการเมืองที่จะมาพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องอีสานให้ดีขึ้น

นอกจากนี้ยังรวมถึงปัญหาสนิมเนื้อในของพรรคเพื่อไทยที่มุ่งหวังถึงผลการเลือกตั้งให้แลนด์ไสลด์เพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะการพยายามดึงบ้านใหญ่จากมุ้งต่าง ๆ พร้อมทั้ง ส.ส.เกรดเอจากพรรคการเมืองต่าง ๆ เข้ามาอยู่ในชายคา โดยละทิ้งคนเก่าแก่ หรือแม้กระทั่งคนเสื้อแดงที่เคยสู้รบกันมาอย่างไม่แยแส ตัวอย่างเช่นการไม่ส่งผู้สมัครอย่าง พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ อดีต ส.ส.อุดรธานี หลายสมัยลงแข่งขัน และไปเลือกนายวัชระพล ขาวขำ ลูกชายนายวิเชียร ขาวขำ นายก อบจ.อุดรธานี เป็นผู้สมัคร ส.ส.อุดรธานี เขต 2 ทำให้ พ.ต.ท.สุรทิน ประกาศลาออกจากพรรคเพื่อไทย พร้อมถือป้ายข้อความว่า “หยุด..ทำร้าย คนที่…รัก..จริงใจกับพวกคุณ ผมขอร้อง..ให้ทำกับ..ผม..เป็นคนสุดท้าย ลาก่อน…เพื่อไทย..เจอกัน…สนามเลือกตั้ง

แม้กระทั่งที่จังหวัดนครพนมนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม เขต 4 ไม่พอใจที่เพื่อไทยส่งนาย ณพจน์ศกร ทรัพยสิทธิ์ อดีตผู้สมัคร นายก อบจ. เป็นผู้สมัครแทน ทำให้นายชวลิต ไม่พอใจ เลือกไปอยู่พรรคไทยสร้างไทย และยังมีเหตุการณ์ที่จังหวัดสิงห์บุรีนายสุรสาล ผาสุข อดีต ส.ส.เพื่อไทยที่ร่วมงานกันมานาน 20 ปี ประกาศลาออกจากพรรค เเพราะไม่ได้รับเลือกเป็นว่าที่ผู้สมัครของพรรค โดยนายสุรสาลเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สิงห์บุรี เขต 1 พรรรคไทยสร้างไทย

เช่นเดียวกันที่จังหวัดหนองบัวลำพู นายวิชัย สามิตร อดีต ส.ส.หนองบัวลำภู เขต 3 ย้ายจากพรรคเพื่อไทยไปไทยสร้างไทย โดยนายวิชัยถึงกับหลั่งน้ำตาพร้อมวลีเด็ด “ผมต่อสู้กับเพื่อไทยมากว่า 22 ปี แต่กลับถูกหักหลังด้วยการส่งผู้สมัครคนอื่นลงเขต 3 แทนนายณัฐวุฒิ กองจันทร์ดี อดีต ส.ส. เพื่อไทย หลานชาย และด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้ทั้งคู่ย้ายจากเพื่อไทยไปสู่ชายคาไทยสร้างไทย