รฟม.โต้รัว ขู่ฟ้อง “ชูวิทย์” แฉปมทุจริตประมูลรถไฟฟ้าสีส้ม

รฟม.โต้รัว ขู่ฟ้อง “ชูวิทย์” แฉปมทุจริตประมูลรถไฟฟ้าสีส้ม

สืบเนื่องจากกรณีเมื่อช่วงบ่าย วันนี้ (21 ก.พ.66 ) ที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานกพ. ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ตั้งโต๊ะเปิดฉากอภิปรายข้างทำเนียบรัฐบาลนำข้อมูลการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐในหลายกระทรวง เข้าร้องเรียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านนายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง

 

 

 

 

โดยนายชูวิทย์ ได้มีการกล่าวถึงเรื่อง การทุจริต การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม เริ่มจากการเปลี่ยนหลักเกณฑ์ TOR ทั้งที่ปิดการซื้อขายไปแล้ว ทำให้จากเดิมที่รัฐต้องจ่ายเงิน 7,000 ล้านบาท รัฐกลับต้องจ่ายเป็น 70,000 ล้านบาท ถัดมาเป็นการทุจริตที่มีการฟ้องร้องในศาลปกครอง โดยศาลชั้นต้นไม่ให้เปลี่ยนหลักเกณฑ์ แต่กลับมีการวิ่งเต้นทำให้ที่ประชุมมติเปลี่ยนหลักเกณฑ์ นำมาสู่การฮั้วให้บริษัทเพียงแห่งเดียวที่เข้าหลักเกณฑ์ ต่อมาเป็นการทอนเงิน มีการโอนเงินนับหมื่นล้านบาทที่ประเทศสิงคโปร์ ท้ายสุดเป็นการเปิดประมูลรอบ 2 และกำหนดหลักเกณฑ์ใหม่ ลดสเปคต่างๆ จนเหลือบริษัทแห่งเดียวที่สามารถประมูลได้ ซึ่งขบวนการทั้งหมดล้วนเป็นการระดมหาทุนสู้ศึกเลือกตั้ง ที่นายกได้เตรียมประกาศยุบสภาช่วงเดือนมีนาคมนี้

 

 

 

ล่าสุดเมื่อเวลา 17.30 น. ที่ผ่านมา นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งเทศไทย(รฟม.) ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ผ่านทางระบบ Zoom Meeting ชี้แจงกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ตั้งข้อสังเกตต่อการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระบุว่า ตามที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้แถลงข่าวที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลเกี่ยวกับการดำเนินการคัดเลือกเอกชน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566

 

 

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้
1. ประเด็นการปรับปรุงเกณฑ์การประเมินข้อเสนอในการคัดเลือกเอกชนครั้งที่ 1
– รฟม. ได้ปรับปรุงเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน (RFP) เฉพาะวิธีการประเมินข้อเสนอ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงการเสนอผลตอบแทนให้แก่ภาครัฐตามที่นายชูวิทย์ฯ กล่าวอ้างแต่อย่างใด และได้ขยายระยะเวลาการยื่นซองข้อเสนอออกไปอีก 45 วัน

– ประเด็นนี้มีคดีฟ้องร้องในศาลปกครอง โดยมีความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2565 ศาลปกครองสูงสุดได้นั่งพิจารณาคดีครั้งแรก โดยตุลาการผู้แถลงคดีมีความเห็นว่า คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) (คณะกรรมการคัดเลือกฯ) และ รฟม. ดำเนินการแก้ไขเอกสาร RFP เพิ่มเติมครั้งที่ 1 โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว และไม่ทำให้ผู้ยื่นข้อเสนอได้รับความเสียหาย และไม่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ใด ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างรอศาลปกครองสูงสุดพิพากษา

– สำหรับประเด็นที่นายชูวิทย์ฯ ได้พูดพาดพิงถึงมติที่ประชุมศาลปกครองสูงสุดนั้น ถือเป็นกระบวนการภายในของศาลปกครองที่ไม่เปิดเผยแก่บุคคลภายนอก ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรต้องรอให้ปรากฏในคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดต่อไป

ข่าวที่น่าสนใจ

 

2. ประเด็นการยกเลิกการคัดเลือกเอกชนครั้งแรก
– ประเด็นนี้มีคดีฟ้องร้องในศาลปกครอง โดยมีความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ตุลาการผู้แถลงคดี ศาลปกครองสูงสุด ได้แถลงสรุปว่า การยกเลิกการคัดเลือกเอกชนฯ ครั้งแรก ชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว และเป็นการแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นอันเป็นไปเพื่อประโยชน์ของรัฐและประชาชน โดยเห็นควรให้ยกฟ้อง อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างรอคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด

 

3. ประเด็นการคัดเลือกเอกชนครั้งใหม่มีการล็อกสเปค

– ประเด็นนี้มีคดีฟ้องร้องในศาลปกครอง โดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการ ศาลปกครองกลาง พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า การดำเนินการคัดเลือกดำเนินการตามกฎหมาย มีการเปิดกว้างให้เอกชนเข้าร่วมในการคัดเลือกมากขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น และไม่มีลักษณะเป็นการตัดสิทธิหรือกีดกันผู้ใดมิให้เข้าร่วมยื่นข้อเสนอ จึงมีคำสั่งยกคำร้องคุ้มครองชั่วคราว

 

4. ประเด็นการดำเนินการของ รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกฯ ถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ใดผู้หนึ่ง และเป็นการปฏิบัติโดยไม่ชอบ หรือไม่

– ประเด็นนี้มีคดีฟ้องร้องในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยศาลได้ไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า ผู้ว่าการ รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้แก้ไขหลักเกณฑ์การประเมินข้อเสนอ ฉบับเดือนกรกฎาคม 2563 ตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด ไม่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ยื่นข้อเสนอรายใด และกรณีที่มีการยกเลิกการคัดเลือกเอกชนตามประกาศเชิญชวนฯ ฉบับเดือนกรกฎาคม 2563 ไม่มีการกลั่นแกล้งผู้ใดหรือกระทำนอกขอบเขตของกฎหมาย ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต จึงไม่มีมูลความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

5. ประเด็นมีเงินทอน 3 หมื่นล้านบาท ผ่านบัญชีธนาคาร
– รฟม. ขอเรียนว่า หากนายชูวิทย์ฯ มีหลักฐานเอกสารตามที่กล่าวอ้าง ก็ขอให้นำมาแสดงให้สาธารณชน และส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเพื่อเป็นที่ประจักษ์ด้วย ว่าเป็นการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมายหรือไม่

ทั้งนี้การดำเนินการประกาศเชิญชวนฯ และคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เป็นการดำเนินการโดยคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ และ รฟม. ตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดในมาตรา 35 ถึงมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 และสำนักงานอัยการสูงสุดได้ตรวจพิจารณาร่างสัญญาร่วมลงทุนตามาตรา 41 เรียบร้อยแล้ว สำหรับในขั้นตอนต่อไป รฟม. จะรอคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีที่ รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกฯ ถูกฟ้องคดี มาประกอบเรื่องเพื่อเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงเจ้าสังกัด และคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ต่อไป

 

 

 

นายภคพงศ์ ระบุด้วยว่า ทางรฟม.ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาในเรื่องของนายชูวิทย์ โดยที่บอกว่ามีเอกสารหลักฐาน เลยขอให้นำหลักฐานที่ว่ามีการโอนเงินกัน 3 หมื่นล้านบาท มาแสดง และส่งหลักฐานไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบเรื่องการฟอกเงิน หรือการโอนเงินผิดกฎหมาย ก็ขอให้นำเอกสารหลักฐานมา ถ้าเป็นเท็จ ท่านที่ถูกพาดพิง หรือปรากฏในเอการ ซึ่งไม่แน่ใจว่าทำเทียมขึ้นมาหรือเปล่า ก็คงจะต้องมีการดำเนินคดีกัน

“ในส่วนของรฟม.เอง ถ้าคุณชูวิทย์ ไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานดังกล่าวมาแสดงได้ ก็ถือว่าเป็นการพูดในเชิงที่ทำให้รฟม.เสื่อมเสีย ก็คงจะมีการพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป”

 

 

 

นายภคพงศ์ ยืนยันว่า ในส่วนของเงิน 3 หมื่นล้านดังกล่าว ไม่มี และการดำเนินการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ศาลฯ ได้มีการพิจารณาเอกสารทั้งหมด และเห็นว่า รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือก ตามมาตรา 36 ไม่ได้มีการเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนรายใด รวมถึงไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง หรือ ดำเนินการนอกอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย

 

 

 

โดยประเด็นต่าง ๆ ที่นายชูวิทย์ แถลงข่าวต่างก็เป็นประเด็นที่มีการฟ้องคดีในศาลปกครองทั้งสิ้น ซึ่งรฟม. จะรอคำพิพากษาศาลปกครอง ซึ่งใกล้จะมีคำพิพากษาตกออกมาแล้ว เพราะตุลาการศาลปกครองสูงสุด ได้มีการนั่งพิจารณาครั้งแรกแล้ว และมีการแถลงคดีโดยตุลาการผู้แถลงคดีทั้ง 2 คดีเรียบร้อยแล้ว ก็คาดเดาได้ว่า ใกล้ที่จะมีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดตกลงมาแล้ว ก็คงจะนำมาประกอบเรื่องเพื่อเรียนข้อเท็จจริงทั้งหมด เสนอไปที่รมว.คมนาคม และคณะรัฐมนตรี(ครม.) ต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

อุตุฯ เตือน ไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น ภาคใต้ 10 จว.ฝนถล่มหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก
ฉีกทุกตำราการเมือง “น้ำ”วาริน ชิณวงศ์ โค่นแชมป์เก่า“กนกพร เดชเดโช อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นั่ง นายก อบจ.เมืองคอนคนใหม่-คนเมืองนครเทใจ ฝ่าสายฝนไปลงคะแนนท่วมท้นกว่า 3.25 แสนคะแนน
ชลบุรี หนุ่มโรงงานหัวร้อน อ้างถูกเพื่อนร่วมงานไม่ให้เกียรติก่อนกลับบ้าน คว้าปืนมายิงกลางร้านอาหาร
เพื่อไทยประกาศชัยชนะ เลือกตั้งนายกอบจ.อุดรธานี "ศราวุธ" คะแนนทิ้งห่าง "คณิศร" จากพรรคปชน.
เลือกตั้งนายกอบจ.นครศรีธรรมราช “น้ำ วาริน” คะแนนนำ “กนกพร” โค่นแชมป์เก่า
เล็ก ฝันเด่น มอบสิ่งของที่มีสารไอโอดีนให้ ทรภ.1 นำสู่น้อง ๆ สู่พื้นที่ภาคเหนือ
รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จัดงานวันเบาหวานโลก “World Diabetes Day 2024”
เลือกตั้ง นายก ทต. ท่าพริกเนินทราย คึกคัก
รถบรรทุก 6 ล้อ ไหลลงเนินเขา เบรกไม่อยู่ พุ่งชนร้านค้า โชคดีไร้ผู้บาดเจ็บ
“ปานเทพ” แนะ “หมอบุญ” กลับไทยยังไม่สาย ลั่นหากคิดว่าตัวเองไม่ผิด ก็มาแสดงความบริสุทธิ์

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น