“ประชาธิปัตย์” นโยบายดี “ดร.เอ้” ผลักดันเรียนฟรี 4 ปี ป.ตรี ไม่ต้องจ่ายซักบาท

“ที่ผ่านมา TCAS (ระบบการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา) มีเด็กเข้าเรียนเพียง 2 แสนคน ทั้งที่มหาลัยในไทย มีศักยภาพรับเด็กได้เป็นล้านคน แสดงว่าตัวเลขของเด็กที่เรียนมหาวิทยาลัย มันน้อยลงทุกๆวัน ซึ่งในช่วงโควิดที่ผ่านมา มันมีข้อมูลเชิงประจักษ์ กรณีที่มีเด็กเรียกร้องให้ลดค่าเล่าเรียน ในวันนั้น “กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม” ได้จ่ายค่าเล่าเรียนให้เด็กทั้งมหาวิทยาลัยรัฐ และเอกชน รวมแล้ว 1.5 แสนคน ด้วยงบประมาณ 7 พันล้านบาท แสดงว่าค่าเล่าเรียนทั้งประเทศไทย ไม่เกิน 3 หมื่นล้าน ต่อปี”

“ดร.เอ้” ได้ยกตัวอย่างการใช้งบประมาณสร้างถนน ของ “กรมทางหลวง” ซึ่งไม่รวม “ทางหลวงชนบท” ว่า ที่ผ่านมา มีงบประมาณสร้างทางปีละ หนึ่งแสนสองหมื่นล้าน ซึ่งถ้าประเทศไทยมีงบประมาณสร้างทางราคานี้ได้ ทำไมเราจะ “สร้างคน” ด้วยเงินจำนวน “3 หมื่นล้าน” ไม่ได้

“ดร.เอ้” ยังยอมรับด้วยว่า ที่ผ่านมา เด็กไทยไม่เรียนต่อปริญญาตรี ไม่ใช่เพราะไม่อยากเรียน แต่เพราะไม่มีตังค์ แต่อย่าลืมว่าการเรียนจบปริญญาตรี แล้วเข้าบริษัททำงานตามระบบจะได้เงินเดือนมากกว่าจบ ม.6  สองสามเท่า แค่เราเรียนเพิ่มอีกแค่ 4 ปี ส่วนนักเรียนที่เลือกจะเรียนสายอาชีพ คือคนที่ไม่อยากจะไปต่อในสายปริญญาตรี เพราะคิดว่าการจบ ม.6 อาจไม่มีความรู้สายวิชาชีพติดตัว แต่ถ้าไปเรียนช่างยนต์ ช่างเชื่อม ช่างก่อสร้าง ก็ยังไปประกอบอาชีพเป็น “ช่าง” ได้ แต่ถ้าเลือกได้ หลายคนเค้าก็อยากเป็น ”นายช่าง” เพราะฉะนั้นการผลักคนเข้าปริญญาตรี ประเทศได้ประโยชน์มหาศาล ตัวผู้เรียนเองก็ได้ประโยชน์ การที่ประเทศจะสนับสนุนในด้านการศึกษาด้วยเม็ดเงินจำนวนที่กล่าวไปจึงถือว่าคุ้มค่ามากกว่าเอาเงินไปสร้างทาง

เหล่านี้เป็นเพียงเหตุผลส่วนหนึ่ง ที่ “พรรคประชาธิปัตย์” ต้องการจะ “สร้างคน” โดยสนับสนุนผลักดันให้เด็กไทย ได้เรียนฟรี ไม่มีค่าหน่วยกิจ ในทุกมหาวิทยาลัยของรัฐบาล ส่วนมหาวิทยาลัยเอกชน เราจะสนับสนุนเป็นรายหัว

“ผมยืนยันว่า ตัวผมเอง และทีมงานในพรรค จะเดินหน้าผลักดันนโยบายเกี่ยวกับการศึกษา ให้ดีขึ้นในทุกๆด้าน เพื่อให้เยาวชนไทยทุกคนมีคุณภาพการศึกษาที่ดี และได้เรียนในระดับปริญญาตรีฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั่วประเทศ อย่างที่ผมบอกไปในข้างต้นว่า การเรียนจบปริญญาตรี คือสิ่งที่สำคัญ ที่จะสามารถทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้”