เปิดไทม์ไลน์ “น้องต่อ” หายตัวปริศนา เกือบ 3 สัปดาห์ ยังไร้วี่แวว

เป็นเวลา 19 วันกับการหายตัวไปของ 'น้องต่อ' หรือ ด.ช.ต่อศักดิ์ แสงสว่าง วัย 8 เดือน ที่ได้หายออกจากบ้านไปเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งทางมูลนิธิกระจกเงาได้ออกค้นหาอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันนี้ยังไร้วี่แวว ไม่เจอตัว แม้จะมีเบาะแสออกมาอยู่เรื่อยๆ ล่าสุดนำตัวพุด- ลุงแจ้ ฝากขังศาล

เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่สังคมให้ความสนใจ หลังมีการพิสูจน์ดีเอ็นเอและพบว่า น้องต่อเป็นลูกของ ลุงแจ้ ไม่ใช่ลูกของ นายพุด พ่อที่มีชื่ออยู่ในใบเกิด ทีมข่าวได้รวบรวมไทม์ไลน์ ตั้งแต่น้องต่อหายตัวไป เริ่มจาก 1. วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 พุดและนิ่ม พ่อกับแม่น้องต่อ ได้ออกตามหาลูก ซึ่ง นิ่ม ได้ให้ข้อมูลยืนยันว่า ระหว่างที่นอนในบ้าน มีคนเข้าไปอุ้ม น้องต่อไป ซึ่งตอนแรกคิดว่าญาติเป็นคนพาไป โดยนายพุด พ่อน้องต่อได้โพสต์ข้อความตามหาลูกชายบนเพจข่าวสารบางเลนนครปฐม ก่อนที่จะไปแจ้งความ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

2. มูลนิธิกระจกเงาได้โพสต์ข้อความเด็กหาย รูปร่างสมส่วน สูงประมาณ 70 ซ.ม. น้ำหนักประมาณ 9 ก.ก. ผิวขาว ลักษณะผมเพิ่งโกนศีรษะ โดยมีตำหนิคือ ที่ศีรษะมีรอยแผลมีดโกนบาด และมีแผลเป็นที่คาง ที่ข้อมือซ้ายสวมเชือกถักหลายสี การแต่งกาย สวมเสื้อแขนยาวแขนจั๊มสีขาว สวมผ้าอ้อมสำเร็จรูป ไม่ได้สวมรองเท้า

3. ตำรวจเรียกตัว พุดกับนิ่ม พ่อและแม่น้องต่อ เข้าสอบปากคำครั้งที่ 2 โดยคาดว่าเด็กจะถูกอุ้มลักพาตัวไปโดยคนรู้จัก ก่อนที่ตำรวจจะลงพื้นที่ค้นหาต่อแต่ก็ไม่พบแบาะแสของน้องแต่อย่างใด

4. ทีมนักประดาน้ำได้ลงค้นหาใต้น้ำลึก 12 เมตร แต่ยังไม่พบ ก่อนที่จะทำการค้นหาอีกครั้งในคืนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ โดยใช้เครื่องโซน่าซาวเดอร์โดยพบวัตถุต้องสงสัย แต่พบว่าเป็นเพียงกระสอบทรายเท่านั้น

5. หัวหน้าทีมสุนัขค้นหาเเละกู้ภัย ได้วางแผนปูพรม การค้นหาด้วยการใช้สุนัขดมกลิ่น จำนวน 2 ตัว ค้นหา ตำรวจสงสัยโถส้วมในห้องน้ำ เพราะมีการโบกปูนใหม่จึงทุบส้วมเพื่อพิสูจน์ความจริง แต่ก็ไม่พบ

6. เจ้าหน้าที่ใช้โดรนบินสำรวจรอบหมู่บ้านในพื้นที่ 30 ไร่ พร้อมกับปูพรมค้นหาทางเท้าด้วย สำรวจกล้องวงจรปิดและสอบปากคำพยานบุคคลต้องสงสัยและข้อมูลการใช้โทรศัพท์ โดยสามารถจำกัดผู้ต้องสงสัยเหลือเพียง 2-3 คน
7. ผลการตรวจดีเอ็นเอพบว่า น้องต่อ เป็นลูกของ ลุงแจ้ ที่เคยให้การว่าคอยตามรับ-ส่ง นิ่ม ตามคำขอร้องของบิดานิ่ม โดยยอมรับว่าเคยมีสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนิ่ม 2-3 ครั้ง จากนั้นนำตัวลุงแจ้ เข้าเครื่องจับเท็จก่อนจะสอบปากคำอย่างละเอียด

8. ตำรวจนำตัวดชพุด กับ น.ส.นิ่ม เข้าเครื่องจับเท็จ เพื่อหาข้อมูลการหายตัวไปของ น้องต่อ โดยผลออกมาเมื่อล่าสุดพบว่า 1 ใน 2 คนนี้มีเส้นกราฟของการตอบคำถามผิดปกติ แต่อยู่ระหว่างให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง

9. พุด และนิ่ม ยังไม่ปักใจเชื่อว่าผลตรวจดีเอ็นเอลูกตรงกับ ลุงแจ้ รอเจอตัวลูกชายก่อนแล้วจะทำการตรวจอีกครั้ง

10. นายหรั่ง ชายสติไม่สมประกอบที่ บ้านอยู่ติดกับนิ่มและพุด ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนล่าสุด ภายหลังที่นายประกอบ ศิลารัตน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ได้ข้อมูลมาจากหน่วยงานหนึ่งว่า ให้ลองตรวจสอบบุคคลสติไม่สมประกอบในพื้นที่ดู เนื่องจากเคยเกิดเหตุเด็กหายในจังหวัดใกล้เคียง แล้วพบว่ามีชายสติไม่สมประกอบมาอุ้มเด็กไป / ผู้ใหญ่บ้านจึงไปตรวจสอบกับนายหรั่ง / นายหรั่ง บอกว่าเป็นคนพาเด็กไปเอง พร้อมกับพาไปชี้จุดที่ทิ้งเด็กไว้ แต่ภายหลังนายหรั่งให้การปฏิเสธ บอกว่าที่บอกไปแบบนั้นเพราะตำรวจรับปากว่าจะให้กินข้าว เรื่องนี้จึงจบไป

11. นางบุญล้อม ออกมายืนยันว่า ในวันเกิดเหตุ เห็นนายหรั่งปั่นจักรยานสวนทางมา โดยมีเด็กคนหนึ่งนั่งอยู่ตะกร้ารถจักรยานของนายหรั่ง แต่ตอนนั้นไม่มั่นใจว่าจะใช่น้องต่อหรือไม่ เพราะเด็กนั่งหันหลังมา และตนก็ไม่ได้ตามข่าว จึงเพิ่งทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น หลังจากเห็นผู้ใหญ่บ้านออกทีวีตามหาเด็ก จึงรู้ว่ามีเด็กหายในหมู่บ้าน

13. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ซึ่งลงพื้นที่ สภ.บางหลวง เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีเมื่อวานนี้ (21 ก.พ.66) ให้ข้อมูลว่า จากการสอบสวนพบว่ายังมีพูดไม่จริง ใครก็ตามที่กระทำความผิดในเรื่องของเด็กถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ หากพบว่าเด็กถูกกระทำจนเสียชีวิต ตัวคนร้ายจะต้องรับโทษอย่างหนัก ส่วนพ่อและแม่ของน้องต่อ ก็คงต้องรับผิดชอบด้วย เพราะอยู่ดีๆ ลูกคงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยไม่ได้

ต่อมาพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ออกมาระบุ นิ่ม แม่น้องต่อ ยอมรับว่า พูดโกหกหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องชายเสื้อเหลืองอุ้มลูกออกไปนั้น ทาง นิ่ม ได้รับสารภาพเเล้วว่า ไม่ได้เห็นชายเสื้อเหลืองอุ้มลูกเเต่อย่างใด

ทางตำรวจเชื่อว่า เเม่เด็กยังพูดความจริงไม่หมด เเต่เริ่มเปิดเผยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากขึ้น และคาดว่าจะได้คำตอบ ว่า เด็กยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ตอนนี้จึงให้น้ำหนักทั้งหมดอยู่ที่แม่เด็กคนเดียวเท่านั้น ต่อมา ภายหลังจากกระประชุมเพื่อติดตามภารกิจการค้นหาน้องต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกมาให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับดำเนินคดีอาญากับ นายพุด ผู้เป็นพ่อ และลุงแจ้ เพื่อนสนิทตาของน้องต่อ

โดยพุด พ่อน้องต่อ โดนข้อหา เป็นธุระจัดหา ว่าด้วยการให้ภรรยาตัวเอง คือ ให้ น.ส.นิ่ม ไปขายบริการให้กับเพื่อนพ่อ และนำเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว เพราะขณะนี้นิ่มอายุแค่ 15 ปีเท่านั้น / ส่วนอีกคน คือ ลุงแจ้ โดนข้อหาพรากผู้เยาว์ คือไปมีสัมพันธ์กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปี

และล่าสุด ตำรวจ สภ.บางหลวง ได้ควบคุมตัวนายพุด และนายแจ้ ส่งฝากขังศาลจังหวัดนครปฐม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว
ผบ.ตร.สั่งสอบคลิปแก๊งต่างด้าว แสดงพฤติกรรมเย้ยกม. กำชับคุมเข้ม ใช้ยาแรง
รมว.วัฒนธรรม เปิดงานรวมญาติชาติพันธุ์ชาวเลครั้งที่ 14 ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว กระบี่ เร่งส่งเสริมวิถีชีวิต วัฒนธรรมชาวเล
ป้าย สุดเจ๋ง "รับซื้อบ้านผีสิง" เจ้าของป้ายรับซื้อจริง มารีโนเวทขาย
"สุดาวรรณ" เยี่ยมชมชุมชนชาวเลสังกาอู้-วิถีวัฒนธรรมชาวเลอูรักลาโวยจ จ.กระบี่
สจ.ธรรมชาติฟ้องตรงอัจฉริยะเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท
อย.ตรวจพบสารอันตรายใน อาหารเสริม “กัมมี่” แบรนด์ดัง เร่งดำเนินคดีตามกม.ผู้ผลิต
กระบะสี่ประตูถอยชนกระบะแคปในปั้มน้ำมันแล้วหนีไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สาววัย 41 ปี เจ้าของกระบะแคปหวังเพียงคำขอโทษ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น