นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 21 ก.พ. 66 มีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลางฯ รวม 163,363,400 บาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายช่วยเหลือเยียวยาซื้อเรือประมงในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ตามโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีเร่งด่วน (เรือชุดที่ 1) จำนวน 96 ลำ เพื่อสนับสนุนมาตรการลดจำนวนเรือประมงของรัฐบาล และให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการกิจการประมง และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการประมงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เสนอ โดยเมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา สมาคมการประมงจังหวัดปัตตานีและกลุ่มผู้ประกอบการประมงภาคใต้ได้เข้าพบนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ เพื่อขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ได้สั่งการโดยตรงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาทั้งหมด ทำให้ผู้ประกอบการกิจการประมงและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการประมงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาล นั้น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความยินดีที่ปัญหาของผู้ประกอบการกิจการประมงฯ ได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วตามความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้ประชาชนทุกสาขาอาชีพ มีความเป็นอยู่อย่างมีความสุข เป็นธรรม และเท่าเทียม
โฆษกรัฐบาลเผย นายกรัฐมนตรี ยินดีที่ปัญหาของผู้ประกอบการกิจการประมงฯ ได้รับการแก้ไข ยืนยันนายกฯ ต้องการให้ประชาชนทุกสาขาอาชีพ อยู่ดีมีสุข เป็นธรรมและเท่าเทียม
ข่าวที่น่าสนใจ
“เรื่องความเดือดร้อนของชาวประมง เป็นหนึ่งในความเดือดร้อนของประชาชนที่นายกรัฐมนตรีกำชับให้เร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน และปัญหาของสมาคมการประมงจังหวัดปัตตานีก็เป็นหนึ่งในปัญหาที่นายกรัฐมนตรีห่วงใย สั่งการให้คลี่คลายความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน ซึ่งความสำเร็จในการช่วยเหลือให้พี่น้องชาวประมงภาคใต้ได้รับเงินเยียวยาตามโครงการฯ นับเป็นหนึ่งในความสำเร็จในการคลี่คลายปัญหาให้กับประชาชนอีกจำนวนมาก และเป็นการช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้อย่างรวดเร็วตามความตั้งใจของนายกฯ ที่ต้องการให้ประชาชนทุกสาขาอาชีพ อยู่ดีมีสุข เป็นธรรม และเท่าเทียม ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนในภาพรวมของประเทศ นายกรัฐมนตรีให้ ศอ.บต.ปฏิบัติตามมติคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติในการดำเนินโครงการฯ ที่กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานหลัก ให้พิจารณาถึงความเท่าเทียมและเสมอภาคในพื้นที่ดำเนินงาน เพื่อป้องกันความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมในการช่วยเหลือเยียวยา ที่ควรพิจารณาในภาพรวมของประเทศไทย ไม่เฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และย้ำว่ารัฐบาลได้ขับเคลื่อนนโยบายประมงบนหลักกฎหมาย คำนึงถึงความอยู่รอดของประมงพื้นบ้าน และผลประโยชน์ของทรัพยากรทางทะเลที่ยั่งยืนร่วมกันเป็นสำคัญ” นายอนุชา กล่าว
อนึ่ง ครม. อนุมัติให้ ศอ.บต. ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน 163,363,400 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นกรณีเร่งด่วน (เรือชุดที่ 1) ในการชดเชยเยียวยาเจ้าของเรือประมงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ปี 2558 โดยเป็นกลุ่มเรือพื้นที่จังหวัดปัตตานี ที่ได้รับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ ไม่พบการกระทำความผิด (กลุ่มขาว) และประสงค์จะเลิกอาชีพทำการประมง จำนวน 96 ลำ สำหรับอัตราค่าใช้จ่ายในการชดเชยเยียวยาดังกล่าว ซึ่งเป็นลักษณะงบดำเนินการให้เป็นไปตามการพิจารณาความเหมาะสมของอัตราค่าใช้จ่ายของกระทรวงการคลัง ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อแก้ไขเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ. 2559 โดยโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะทำให้ประเทศไทยสามารถบริหารจัดการกองเรือให้มีความเหมาะสมกับปริมาณสัตว์น้ำ เพื่อการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน สามารถจัดสรรปริมาณสัตว์น้ำให้กับเรือประมงที่อยู่ในระบบเหมาะสมกับปริมาณสัตว์น้ำทั้งหมดที่อนุญาตให้ทำการประมง ลดความเสี่ยงที่จะเกิดการทำประมงผิดกฎหมายจากการใช้เรือประมงที่ไม่มีใบอนุญาตทำการประมง รวมทั้งชาวประมงที่ไม่ประสงค์จะประกอบอาชีพประมงสามารถนำเงินที่ได้รับไปเป็นทุนประกอบอาชีพอื่น ๆ ได้ตามที่ต้องการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง