The Japan Times รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นที่จังหวัดฟุกุโอกะ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่นซึ่งออกมาเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบเชื้อลีจิโอเนลล่า ในบ่อน้ำพุร้อนของโรงแรมไดมารุ เบโสะ ซึ่งมีอายุเก่าแก่ร่วมร้อยปีและตกแต่งแบบสไตล์ญี่ปุ่นโบราณซึ่งเรียกกันว่า “เรียวกัง” ที่เมืองชิกุชิโนะ มากกว่าที่กฎหมายจังหวดฟุกุโอกะกำหนดไว้ถึง 3 พัน 700 เท่า
ปัญหาดังกล่าวถูกเปิดเผยขึ้นหลังจากมีนักท่องเที่ยวล้มป่วยจากการติดเชื้อลีจิโอเนลล่า ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจหรือปอดอักเสบ หลังจากนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวเดินทางไปเที่ยวหลายสถานที่ รวมทั้งโรงแรมไดมารุ เบโสะ ในเดือนสิงหาคม
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ฟุกุโอกะจึงเดินทางไปตรวจโรงแรมไดมารุ เบโสะในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว พบว่าสูงกว่ากำหนด 2 เท่า แต่ทางโรงแรมยืนยันว่ามีการเปลี่ยนน้ำและใส่คลอรีนฆ่าเชื้อตามกำหนดทุกอย่าง
แต่เมื่อเจ้าหน้าที่กลับไปตรวจอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน คราวนี้พบเชื้อลีจิโอเนลล่าสูงกว่ากำหนด 3 พัน 700 เท่า ซึ่งในที่สุดทางโรงแรมออกมายอมรับแล้วว่ามีการเปลี่ยนน้ำเพียงปีละ 2 ครั้งเท่านั้น นอกจากนี้ก็ใส่คลอรีนฆ่าเชื้อไม่เพียงพอ ซึ่งตามกำหนด โรงแรมจะต้องเปลี่ยนน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งและต้องเติมคลอรีน 0.4 มิลลิกรัมต่อน้ำ 1 ลิตร ซึ่งไดมารุ เบโสะมีการทำผิดกฎหมายอย่างนี้มาตั้งแต่ปี 2562 หรือทำมา 4 ปีแล้ว ล่าสุดเจ้าหน้าที่ฟุกุโอกะกำลังตรวจสอบว่าการกระทำของเรียวกังแห่งนี้ละเมิดพระราชบัญญัติโรงอาบน้ำสาธารณะหรือไม่