นายกฯกำชับสถานศึกษา ควบคุมโรคอาหารเป็นพิษในโรงเรียน ดูแลเข้มงวด

โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ห่วงใยสุขภาพอนามัยนักเรียน กำชับสถานศึกษาปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคอาหารเป็นพิษในโรงเรียน ดูแลป้องกันนักเรียนป่วยช่วงสอบปลายภาค เน้นย้ำอนามัยส่วนบุคคล ผู้ปรุงอาหาร ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” เป็นสำคัญ

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์โรคอาหารเป็นพิษ โรคอุจจาระร่วงที่เกิดในสถานศึกษาขณะนี้ สาเหตุจากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่มีการปนเปื้อนเชื้อก่อโรคอาหารเป็นพิษ และเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อน ทำให้อาหารบูดเสียได้ง่าย จึงเกิดโรคอาหารเป็นพิษในโรงเรียน เกิดอาการท้องเสียในกลุ่มเด็กนักเรียนในทุกระดับชั้น โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับกระทรวงศึกษาธิการ ขอให้สถานศึกษาปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคอาหารเป็นพิษในโรงเรียน ปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำอนามัยส่วนบุคคล ผู้ปรุงอาหาร ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” เพื่อช่วยป้องกันโรคอาหารเป็นพิษและโรคอุจจาระร่วงได้

ข่าวที่น่าสนใจ

นายอนุชา กล่าวว่า ตามรายงานสถานการณ์โรคอาหารเป็นพิษในประเทศไทยของกรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2566 มีผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษ 10,755 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด 3 อันดับ คือ 0-4 ปี 15-24 ปี และ 25-34 ปี โดยโรคอาหารเป็นพิษ เกิดจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ได้แก่ แบคทีเรีย ไวรัส ปรสิต หรือการปนเปื้อนสารพิษต่าง ๆ เป็นต้น แต่สาเหตุของอาหารเป็นพิษที่พบได้บ่อยครั้งเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย รองลงมาคือไวรัส นอกนั้นพบได้บ้างประปราย ทั้งนี้ อุบัติการณ์ของโรคอาหารเป็นพิษส่วนใหญ่มักเกิดในสถานที่ที่มีการรวมกลุ่มรับประทานอาหาร เช่น ในโรงเรียน สถานศึกษา หรือสถานเลี้ยงเด็ก กิจกรรมเข้าค่าย กิจกรรมทัศนศึกษา ดังนั้น กรมควบคุมโรคจึงขอเน้นย้ำให้มีการใช้มาตรการป้องกันควบคุมโรคอาหารเป็นพิษที่ผู้เกี่ยวข้องกับสถานศึกษาทุกระดับนำไปปฏิบัติได้ ดังนี้

1. จัดระบบโรงอาหารในโรงเรียน ให้ผู้ประกอบการดำเนินตามมาตรฐานการสุขาภิบาลอาหารอย่างเคร่งครัด 2. มีการตรวจรับนมโรงเรียนตามเกณฑ์ คำนึงถึงความปลอดภัยในการเก็บรักษานมอย่างถูกวิธี ให้มีคุณภาพดีก่อนแจกจ่าย 3. มีการควบคุมดูแลผู้ทำหน้าที่ในการปรุงประกอบอาหาร หรือสัมผัสกับอาหารต้องยึดหลักสุขาภิบาลอาหารอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล 4. ผู้ปรุงประกอบอาหารควรเลือกใช้วัตถุดิบจากร้านค้าที่สะอาดได้มาตรฐาน 5. วัตถุดิบและอุปกรณ์ปรุงประกอบอาหาร ต้องล้างให้สะอาดก่อนนำมาใช้งาน 6. ปรุงอาหารด้วยความร้อนให้ทั่วถึง 7. เมื่อปรุงอาหารเสร็จแล้วต้องเก็บไว้ในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด 8. อาหารที่ใส่กล่องไม่ควรราดบนข้าวโดยตรง ควรแยกบรรจุกับข้าวในถุงพลาสติกต่างหาก และ 9. สถานศึกษาควรมีความพร้อมในการดูแลรักษาเบื้องต้น ทั้งการประสานส่งต่อผู้ป่วย ตลอดจนความพร้อมในการสื่อสารความเสี่ยงเมื่อพบนักเรียนป่วย หรือเกิดเหตุการณ์ระบาดในโรงเรียนเพื่อลดผลกระทบหรือความรุนแรงจากโรคอาหารเป็นพิษ

 

นายอนุชา กล่าวว่า ตามรายงานสถานการณ์โรคอาหารเป็นพิษในประเทศไทยของกรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2566 มีผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษ 10,755 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด 3 อันดับ คือ 0-4 ปี 15-24 ปี และ 25-34 ปี โดยโรคอาหารเป็นพิษ เกิดจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ได้แก่ แบคทีเรีย ไวรัส ปรสิต หรือการปนเปื้อนสารพิษต่าง ๆ เป็นต้น แต่สาเหตุของอาหารเป็นพิษที่พบได้บ่อยครั้งเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย รองลงมาคือไวรัส นอกนั้นพบได้บ้างประปราย ทั้งนี้ อุบัติการณ์ของโรคอาหารเป็นพิษส่วนใหญ่มักเกิดในสถานที่ที่มีการรวมกลุ่มรับประทานอาหาร เช่น ในโรงเรียน สถานศึกษา หรือสถานเลี้ยงเด็ก กิจกรรมเข้าค่าย กิจกรรมทัศนศึกษา ดังนั้น กรมควบคุมโรคจึงขอเน้นย้ำให้มีการใช้มาตรการป้องกันควบคุมโรคอาหารเป็นพิษที่ผู้เกี่ยวข้องกับสถานศึกษาทุกระดับนำไปปฏิบัติได้ ดังนี้

1. จัดระบบโรงอาหารในโรงเรียน ให้ผู้ประกอบการดำเนินตามมาตรฐานการสุขาภิบาลอาหารอย่างเคร่งครัด 2. มีการตรวจรับนมโรงเรียนตามเกณฑ์ คำนึงถึงความปลอดภัยในการเก็บรักษานมอย่างถูกวิธี ให้มีคุณภาพดีก่อนแจกจ่าย 3. มีการควบคุมดูแลผู้ทำหน้าที่ในการปรุงประกอบอาหาร หรือสัมผัสกับอาหารต้องยึดหลักสุขาภิบาลอาหารอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล 4. ผู้ปรุงประกอบอาหารควรเลือกใช้วัตถุดิบจากร้านค้าที่สะอาดได้มาตรฐาน 5. วัตถุดิบและอุปกรณ์ปรุงประกอบอาหาร ต้องล้างให้สะอาดก่อนนำมาใช้งาน 6. ปรุงอาหารด้วยความร้อนให้ทั่วถึง 7. เมื่อปรุงอาหารเสร็จแล้วต้องเก็บไว้ในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด 8. อาหารที่ใส่กล่องไม่ควรราดบนข้าวโดยตรง ควรแยกบรรจุกับข้าวในถุงพลาสติกต่างหาก และ 9. สถานศึกษาควรมีความพร้อมในการดูแลรักษาเบื้องต้น ทั้งการประสานส่งต่อผู้ป่วย ตลอดจนความพร้อมในการสื่อสารความเสี่ยงเมื่อพบนักเรียนป่วย หรือเกิดเหตุการณ์ระบาดในโรงเรียนเพื่อลดผลกระทบหรือความรุนแรงจากโรคอาหารเป็นพิษ

“นายกรัฐมนตรีติดตามและห่วงใยสถานการณ์โรคอาหารเป็นพิษในโรงเรียน เพราะประเทศไทยในช่วงนี้อาจมีสภาวะอากาศสำหรับโรคอาหารเป็นพิษ ประกอบกับเป็นช่วงการสอบปลายภาคของนักเรียนทุกระดับชั้น นายกรัฐมนตรีจึงขอให้ทุกสถานศึกษาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพอนามัยของนักเรียนเป็นพิเศษ เฝ้าระวังป้องกันไม่ให้นักเรียนป่วยในช่วงสอบปลายภาค โดยยึดหลัก ‘สุก ร้อน สะอาด’ เน้นในส่วนของนมโรงเรียน ต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสมตามชนิดของนม ตรวจสอบวันหมดอายุ สุ่มตรวจสอบคุณภาพนม สี กลิ่น รส ไม่ผิดปกติ และไม่เป็นตะกอน ก่อนให้เด็กดื่ม และย้ำหลักการอาหารปลอดภัย ที่ผู้ปรุงอาหาร ประกอบอาหาร และผู้สัมผัสกับอาหารในทุกขั้นตอน ต้องดูแลความสะอาด ใส่ใจอนามัยส่วนบุคคล รวมทั้งให้เด็ก ๆ กินร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือบ่อย ๆ เพื่อช่วยช่วยลดปัญหา ป้องกันโรคอาหารเป็นพิษและโรคอุจจาระร่วงได้” นายอนุชากล่าว

นอกจากนี้ ควบคุมโรคคาดว่าจะพบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษสูงต่อเนื่อง เนื่องจากมักพบจำนวนผู้ป่วยสูงในช่วงต้นปี ระหว่างเดือนมกราคม – มีนาคม โดยมีลักษณะคล้ายคลึงกันเกือบทุกปี ผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษ จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายอุจจาระเหลว ถ่ายเป็นน้ำหรือมีมูกเลือด ร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะ คอแห้งกระหายน้ำ และอาจมีไข้ได้ ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ผ่านทางอุจจาระและอาเจียน ส่วนใหญ่มักเกิดการระบาดเป็นกลุ่มก้อน ในกลุ่มคนที่มีการรับประทานอาหารและน้ำร่วมกัน โดยการช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษในเบื้องต้น ควรให้จิบน้ำละลายผงน้ำตาลเกลือแร่ (โอ อาร์ เอส) บ่อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยอาการไม่ดีขึ้น ยังมีอาการถ่ายเหลวต่อเนื่องหรืออุจจาระเป็นมูกปนเลือด ให้รีบส่งตัวไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้าน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกนัฏ” ลั่น เอาเรื่องถึงที่สุด สั่งจับโรงงานสายไฟไม่ได้มาตรฐาน ยึดของกลาง 65 ล้าน
“สุชาติ”เปิดงาน“ชลบุรี พราว เอ็กโป 2024” สร้างช่องทาง SME สร้างงานปชช.
รัฐบาลเปิดตัวนวัตกรรม “ตู้ห่วงใย” บริการทางการแพทย์ พบแพทย์ผ่านวิดีโอคอล เล็งขยายทั่วประเทศ
"พระปีนเสา" เล่านาที ถูกทำร้ายหน้าช่อง 8 เจ็บจนเห็นดาวเห็นเดือน โร่แจ้งความตำรวจ สน.บางเขน
"กลุ่มชายปริศนา" แหวกวงล้อมสื่อ เข้ารุมทำร้าย "พระปีนเสา" ขณะให้สัมภาษณ์
เปิดตัว "TKR Connect" แพลตฟอร์มจัดหางานครบวงจร สร้างมิติใหม่รองรับแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกม.
ออกหมายจับ "หมอบุญ" พร้อมพวกรวม 9 คน “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน” ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้กู้เงิน 8 พันล้าน
ระทึกกลางดึก ไฟไหม้ "ร้านกาแฟ" เผาวอดทั้งหลัง เสียหายกว่า 7 แสนบาท
"อุตุฯ" เผย "เหนือ-อีสาน-กลาง" อากาศเย็นตอนเช้า เตือนใต้ยังรับมือฝนตก
แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวกำลังพล ห่วงใยไปถึงบ้าน เพราะเราคือครอบครัวกองทัพบก

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น