วันที่ 27 ก.พ. 66 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องทุกข์จากนาย วิพันธ์ มณีวัฒน์ อายุ 67 ปี ว่า ตนเองและกลุ่มชาวบ้าน 4 ครัวเรือนเกือบ 20 ชีวิต ถูกบังคับคดีไล่ที่รื้อบ้านได้รับความเดือดร้อนทั้งที่มีพยานหลักฐานการอยู่อาศัยมาตั้งแต่บรรพบุรุษ จึงได้ลงพื้นที่ไปพบกับนายวิพันธ์ มณีวัฒน์ หรือ ลุงพันธ์ ซึ่งพิการทางสายตา(ตาบอด)พร้อมกับกลุ่มชาวบ้าน หมู่ 4 ต.หนองยาว อ.เมือง จ.สระบุรี โดยนาย วิพันธ์ ได้นำเอกสารให้ผู้สื่อข่าวตรวจสอบพร้อมกับชี้แจง ในรายละเอียดที่ตนเองพยายามต่อสู้เรียกร้องสิทธิ์ความเป็นธรรมมาหลายครั้งแต่ก็ไร้ผล เนื่องจากเมื่อประมาณปี 2549 มีโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินทั่วทั้งจังหวัดชาวบ้านทั้ง4ครัวเรือนนำหลักฐานไปแจ้งสิทธิ์เพื่อขอออกโฉนด แต่ทางราชการแจ้งว่าเป็นที่สาธารณะออกโฉนดให้ไม่ได้ แต่กลับออกโฉนดให้แก่บุคคลหนึ่งตามโฉนดดั้งเดิมของปีร.ศ.131(หรือพ.ศ.2455)ซึ่งเป็นของบรรพบุรุษทั้ง4 ครัวเรือน จากนั้นลุงพันธ์ และกลุ่มชาวบ้านผู้ได้รับความเดือดร้อน ได้พยายามยื่นหลักฐานขอออกโฉนดที่ดินอีกครั้ง ปรากฏว่าทางราชการแจ้งว่าใบแจ้งสิทธิ์ดังกล่าวอยู่ในโฉนดที่ดินบุคคลอื่นจึงออกให้ไม่ได้
ต่อมาปี 2551 ชาวบ้านทั้ง 4 ครัวเรือนจึงถูกบุคคลซึ่งออกโฉนดที่ดินทับฟ้องขับไล่ เมื่อชาวบ้านดังกล่าวรวมตัวกันดิ้นรนร้องทุกข์ต่อหน่วยงานราชการต่างๆเพื่อขอความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แต่ไม่ได้รับการเหลียวแลจึงร่วมกันต่อสู้คดีด้วยความยากจนโดยลำพังและแพ้คดีไปเมื่อปี 2562 สร้างความเดือดร้อน ทุกข์เข็ญต้องขวนขวายหาที่พักพิงและเลี้ยงชีพเพื่อประทังชีวิตทั้งครอบครัว ประกอบกับช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็กระหน่ำซ้ำซัดทำให้ชาวบ้านดังกล่าวต้องประสบชะตากรรมยากแค้นแสนสาหัสเรื่อยมาบางคนสูญเสียดวงตา เงินทองที่รวบรวมได้มาต้องหมดไปกับการต่อสู้ดิ้นรนหาคนช่วยเหลือมากว่า15ปี จึงได้รวมตัวกันมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชนให้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าที่ดินกว่า7ไร่ของชาวบ้านที่ถูกขับไล่มีสภาพรกร้างไม่ได้ทำประโยชน์แต่อย่างใด แต่มีร่องรอยซากบ้านเรือน ถูกทุบทิ้งพังเสียหายหญ้าวัชพืชขึ้นปกคลุมเป็นป่า เสาไฟฟ้าและท่อน้ำประปาถูกทิ้งร้าง แต่มีถนนดินที่ชาวบ้านใช้สัญจรผ่านไปห้วยหนองเขื่อนช้าง โดยชาวบ้านขอให้สื่อมวลชนช่วยนำเสนอถึงความเดือดร้อนทุกข์ยากเพื่อขอความเป็นธรรมด้วย