นี่คือ คำพูดจากใจของ “ไตรรงค์ สุวรรณคีรี” ผู้ที่เคยทำงานใกล้ชิดเคียงข้าง พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เมื่อครั้งสมัยที่ “ไตรรงค์” ดำรงตำแหน่ง โฆษกรัฐบาลในยุคที่ “พลเอกเปรม ติณสูลานนท์” เป็น นายกรัฐมนตรี และ นับจากวันนั้น จนถึงวันนี้ “พลเอกเปรม” จึงเปรียบเสมือนบุคคลต้นแบบคนดี ที่ “ไตรรงค์” ได้เดินตามรอยปฎิบัติ
และเมื่อลองย้อนกลับมาดูมุมคิด ชีวิตทางการเมือง ของ “ไตรรงค์ สุวรรณคีรี” บอกเลยว่าชื่อนี้มีแต่ความไม่ธรรมดา … ปฐมบทชีวิต เปิดฉากด้วยบทบาท นักเคลื่อนไหวทางการเมืองวีรกรรมสุดโชกโชน ถึงขั้นที่ว่า เคยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในเหตุการณ์ “6 ตุลา มหาวิปโยค” ท้ายที่สุดกระโดดเข้ามาเล่นการเมืองระดับชาติ ชิมลางด้วยตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตพื้นที่จังหวัดสงขลา สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี พ.ศ.2529
ความสามารถของ “ไตรรงค์ สุวรรณคีรี” ในยุคนั้น ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในทุกบทบาทที่ๆได้รับมอบหมาย โดยเฉพาะการลุกขึ้นอภิปราย ด้วยลีลาคำพูดที่ฉะฉานสนุกสนาน กลายเป็นสีสันตัวชูโรง สื่อมวลชนทุกแขนงให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน เลือกเขาเข้ามาเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อย่างต่อเนื่องหลายสมัย
เกือบ 40 ปี ภายใต้ร่มเงาของ พรรคประชาธิปัตย์… “ไตรรงค์ สุวรรณคีรี” ทะยานสู่ตำแหน่ง “รองหัวหน้าพรรค” และยังคงปักหลักไม่หนีหายไปไหน จนท้ายที่สุด ในเดือนตุลาคม ปี พ.ศ. 2565 ข่าวลือที่เคยสะพัดหนาหูถี่ๆ สุดท้ายก็มีมูลความจริง เมื่อตัวเขาเองประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนจะได้รับแต่งตั้งให้เป็น ที่ปรึกษาของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กระทั่งเปิดตัวสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค “รวมไทยสร้างชาติ” อย่างเป็นทางการ