นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวง พม. และนพ.พิชญา นาควัชระ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ร่วมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมของโรงพยาบาลสนามสำหรับกลุ่มเปราะบาง ณ มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ. 11) ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กทม. ซึ่งเป็นศูนย์พักคอย (Community Isolation – CI) ขนาด 200 เตียง สำหรับกลุ่มเปราะบางที่เป็นผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียว ที่มีอาการไม่มาก หรือไม่มีอาการ
นายจุติ กล่าวว่า ตนขอขอบคุณหน่วยงานภาครัฐ กองทัพ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และอาสาสมัครที่เข้ามาทำงานร่วมกัน เพื่อบอกว่าชีวิตทุกคนมีค่ามีความหมาย และโรงพยาบาลสนามสำหรับกลุ่มเปราะบางแห่งนี้เกิดขึ้นได้ภายใน 2 สัปดาห์ ทำให้เราเห็นถึงความตั้งใจจริง ทั้งนี้ มีการฝึกทีมงานพยาบาล เพื่อให้มีความเชี่ยวชาญในการทำงานซึ่งมีความละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก เพราะเวลาเป็นสิ่งที่มีค่ามากสำหรับการช่วยชีวิต อีกทั้งมีทั้งเครื่องเอ็กซเรย์ และห้อง Lab ตรวจเชื้อ ที่มีผลต่อการรักษาชีวิตของผู้ป่วยที่ต้องการยาและหมอรักษาที่ถูกทางที่สุด ทั้งนี้ตนรู้สึกดีใจกับโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ที่เกิดขึ้น ทำให้เห็นว่าคนไทยไม่ทอดทิ้งกัน เรื่องเงินนับเป็นเรื่องเล็กน้อยมากสำหรับชีวิตคนที่รัฐบาลจะต้องรักษา ฉะนั้น วันนี้จึงเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า ทุกภาคส่วนและทุกคนได้เข้ามาช่วยกันรักษาชีวิตคนไทยไว้และเราจะต้องชนะ
นายจุติ กล่าวต่อว่า โรงพยาบาลสนามสำหรับกลุ่มเปราะบางแห่งนี้ จะสามารถรองรับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวได้ 200 เตียง และคาดว่าจะเริ่มเปิดรับผู้ป่วยได้ภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ โดยใช้อาคารโรงยิม 2 แห่ง และแหล่งสมาคมนายทหาร ทำเป็นของศูนย์พักคอย ซึ่งจะเป็นส่วนขยายเฟสที่ 3 ในพื้นที่ของโรงพยาบาลสนาม มทบ.11 ทั้งนี้ กระทรวง พม. จะได้มีความร่วมมือในการสนับสนุนเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) เข้ามาช่วยทำงานในโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ในส่วนของ Back Office อาทิ การคีย์ข้อมูล การลงทะเบียน และการอำนวยความสะดวกผู้ป่วย เป็นต้น
ด้าน นพ.พิชญา กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์โควิด-19 ระลอกนี้ ทำให้มีผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมาก และสิ่งที่เป็นปัญหาของระบบสาธารณสุขในขณะนี้คือ ขาดโรงพยาบาลที่จะรองรับผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองและสีแดง ซึ่งเราได้รับความกรุณาจากกองทัพบก มทบ.11 และกระทรวงสาธารณสุข จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม มทบ.11 ซึ่งได้มีการเปิดเฟส 1 154 เตียง และรับผู้ป่วยเต็มแล้ว ขณะนี้ เราตัดสินใจเปิดเฟส 2 152 เตียง ดังนั้น เมื่อรวมกันทั้ง 2 เฟส จะมีทั้งสิ้น 306 เตียง โดยในเฟส 2 จะมีความพร้อมทั้งห้องความดันลบ แต่ยูนิตจะมีมอนิเตอร์และวงจรปิด และมีที่เอ็กซเรย์แยกส่วน ทั้งนี้ ตนขอขอบคุณรัฐบาล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. ที่ได้มาเยี่ยมและจะจัดส่งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร พม. มาช่วยทำงานที่โรงพยาบาลสนามแห่งนี้