เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ เดินเข้ามาในกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่นายสันธนะ ประยูรัตน์ ได้มาถึงพอดี แต่มีทีมงานที่ติดตามนายสันธนะ ที่ใส่เสื้อสีชมพูเดินเข้าไปล็อคคอนายชูวิทย์ ก่อนที่จะถึงตัวนายสันธนะ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนกันขึ้น ตำรวจควบคุมฝูงชนต้องเข้ามาห้ามให้แยกออกจากกัน จากนั้น นายชูวิทย์ ก็ได้ตะโกนท้าทายนายสันธนะตลอดเวลา มีกำลังตำรวจควบคุมฝูงชนจำนวน 2 หมู่ เกือบ 30 นาย คอยกันไม่ให้ทั้งคู่เข้าใกล้กัน
หวิดวางมวย "ชูวิทย์ vs สันธนะ" ปะทะเดือดหน้าบช.น.ท้าต่อยกันตัวต่อตัว
ข่าวที่น่าสนใจ
โดยนายชูวิทย์ได้ถอดเสื้อออกเหลือเพียงเสื้อกล้ามพร้อมกับใส่นวม และตะโกนให้นายสันธนะมาต่อยกันตามประสาลูกผู้ชาย พร้อมกับโยนนวมชกมวยให้ ส่วนนายสันธนะก็ไม่ได้ตอบโต้และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน และยื่นหนังสือร้องเรียนให้ พลตำรวจตรีอัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ระหว่างนั้น นายชูวิทย์ก็ได้ตะโกนท้าทายอยู่ตลอดเวลา นายสันธนะ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองมาทวงถามความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับนายชูวิทย์ จำนวน 9 ข้อหา ที่แจ้งไว้ที่สน.ทองหล่อ และนายนอท พันธวัช นาควิสุทธิ์ แต่ก็มาถูกนายชูวิทย์ก่อกวนและท้าทาย ยืนยันว่า จะไม่ตอบโต้ เนื่องจากว่ากองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นสถานที่ทำงานเก่าของตนเอง เมื่อครั้งยังเป็นตำรวจ ในขณะนายสันธนะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ทางด้านนายชูวิทย์ได้ตะโกนด่าท้าทายตลอดเวลา
ส่วนนายสันธนะ หลังจากที่ถูกต่อว่าหนักๆท่ามกลางสื่อมวลชนและตำรวจ ก็เริ่มหมดความอดทนและตะโกนด่านายชูวิทย์ว่า จะไม่ยอมให้นายชูวิทย์ต่อว่าอย่างเสียศักดิ์ศรี และจะดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาท นายชูวิทย์ก็ท้าทายอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ขอให้นายสันธนะเดินทางกลับไปก่อน หลังจากนายสันธนะเดินทางกลับ นายชูวิทย์ก็ได้มาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า ตนเองไม่กลัวนายสันธนะ เพราะนายสันธนะเป็นตำรวจเลวจนถูกไล่ออก ส่วนที่นายสันธนะมาร้องเรียนตนเองที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล อย่าคิดว่ายังมีลูกน้องนายสันธนะหลงเหลืออยู่ จากนี้จะไปตามนายสันธนะไปทุกที่ถ้าคิดจะไปร้องเรียนเรื่องอะไร นายชูวิทย์ยังบอกอีกว่า ในวันพรุ่งนี้(3มีม.ค.)ตนเองจะแถลงข่าวเปิดโปงความชั่วร้ายของพรรคการเมืองและสื่อมวลชนอาวุโสรายหนึ่งอีกด้วย ขอให้ติดตาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-