เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 66 ครอบครัว “รัตนพันธ์” เปิดใจผ่านรายการ TOP NEWS TALK ทางช่อง TOP NEWS โดยมี นายวรเทพ สุวัฒนพิมพ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยเริ่มต้นจาก ดร.ศรายุทธ รัตนพันธ์ ได้พูดถึงหลังจากที่นางสาว ฐานิตา รัตนพันธ์ และ นางสาว ลัดฟ้า รัตนพันธ์ บุตรสาวและบุตรชาย เคยมาออกรายการถึงกรณีที่ บริษัท เอสชี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ASSET ไม่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงการรวบรวมที่ดินเพื่อเสนอขาย จนได้รับความเดือดร้อนต้องสูญเสียบ้านและที่ดิน และจะขอใช้ความยุติธรรมในการขอความยุติธรรมคืน
ดร.ศรายุทธ กล่าวว่า ช่วงระหว่างที่ต่อสู้ “ศาลท่านเมตตา ท่านให้การงดเว้นค่าธรรมเนียมศาล ข้อ 14.1 ของเรา ที่เราฟ้อง เอสชี แอสเสท ซึ่งทางเอสชี แอสเสท เขาฟ้องกลับ เขาเอานิติกรรมอำพราง 20 ล้านบาท มาฟ้องเรา ผ่านไป 2 ปีกว่า เหตุการณ์ปรากฏในศาล ข้อเท็จจริงเริ่มออกมา มีทั้งวัตถุพยาน มีทั้งลายลักษณ์อักษร ร่องรอยความจริง เห็นเป็นทางยาว ปรากฏในศาลออกมา ว่าเขาฟ้องเรา ว่าเรากู้เงิน 20 ล้านบาท กลับกลายเป็นว่า ณ วันนี้ ศาลท่านมีคำสั่งเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 66 เราได้รับฟ้องแย้ง เอสชี แอสเสท ตกเป็นจำเลย แต่ในทางคดีมันเป็นการฟ้องแย้ง ก็ไม่ได้เขียนว่าจำเลย แต่ข้อเท็จจริงว่า ตกเป็นจำเลยเรา 1,503 ล้านบาทเศษ ช่วงเวลานั้นเป็นความอัดอั้นตันใจของพวกเราทั้งครอบครัว เราไม่รู้ว่าเราจะหาเงิน 1.4 ล้านบาทที่ไหน มาวางเป็นค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องแย้ง หรือ ฟ้องกลับ เอสชี แอสเสท จนไปเสิทกูเกิลดูมีกองทุนยุติธรรม ตนเลยทำหนังสือ ฉบับแรกไปถึง ประธานกองทุนยุติธรรม ทำไปครั้งแรกไม่มีการอนุมัติ จึงทำอุทธรณ์กลับไปอีกครั้ง ซึ่งในเนื้อหามันค่อนข้างมีความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียม ถ้าเราไม่ได้รับการต่อสู้ เพราะอยู่ดีๆเราไม่ได้ไปฟ้อง เอสชี แอสเสท ศาลท่านมีคำสั่งให้เรามีสิทธิ์ฟ้องได้ เพียงแต่ว่าเราต้องหาเงินมาวางศาล”
ดร.ศรายุทธ กล่าวต่อ ” ครั้งที่ 2 เรารู้ว่าจะมีการประชุมของคณะกรรมการกองทุนยุติธรรม ที่กระทรวงยุติธรรม พวกเราไปนั่งเฝ้าเพื่อขอความเห็นแก่ท่าน ซึ่งท่านคงเห็นว่าเป็นเคสใหญ่ จึงเรียกเราขึ้นไป ไปซักถาม ถามว่าเรื่องราวเหตุการณ์เป็นมาอย่างไร เราก็ได้มีการตอบให้ท่านได้ทราบ และพวกเราก็ได้ลงมานั่งรอข้างล่าง จากนั้น 15 นาที เจ้าหน้าที่เฮกันลงมาว่าคณะกรรมการชุดนี้อนุมัติเงินเรา 1.4 ล้านบาท เพื่อให้ไปเป็นค่าธรรมเนียมศาล”