โรค "ติดโทรศัพท์" มากเกินไป ระวังลิสต์ 7 โรคร้ายต่อคิว เสี่ยงสุขภาพพังไม่รู้ตัว รู้แล้วแก้ไขด่วน
ข่าวที่น่าสนใจ
1. อาการที่เกี่ยวกับดวงตา
- แสงที่ส่งผลกระทบมากที่สุด คือ แสงสีฟ้า โดยแสงสีฟ้าผสมอยู่ในช่วงสีน้ำเงินกับคราม และยังเป็นแสงที่มีพลังงานสูงใกล้เคียงรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) อีกด้วย ทำให้เป็นหนึ่งในแสงที่สามารถเข้าไปสู่จอประสาทตาได้อย่างง่าย
- เวลาใช้หน้าจอโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต เราจำเป็นต้องเพ่งสายตาจ้องหน้าจอที่มีแสงจ้าเหล่านั้น หากจ้องนานเกินไป ก็อาจเกิดผลเสียต่อดวงตาได้หลายทาง เช่น
- อาการสายตาล้า ปวดตา
- ตาแห้ง
- ตามัว
- สำหรับเด็กเล็กอาจส่งผลให้เกิดปัญหาสายตาสั้นได้
- อาจจะทำให้เซลล์ในดวงตาตายได้ ซึ่งหนักถึงขั้นสูญเสียการมองเห็นเลยทีเดียว
อันตรายจากการมองแสงสีฟ้า
- สามารถทำลายจอประสาทตา (เรติน่า) อาจเริ่มส่งสัญญาณบางอย่างมาเตือน เช่น
- อาการเจ็บตา
- ระคายเคือง
- ตาแห้ง
- บางครั้งสายตาพร่ามัว
- ปวดกระบอกตาอยู่บ่อย ๆ และอาจมีอาการไมเกรนพ่วงมาด้วย
- อาจทำให้เกิดโรคทางสายตา เช่น Computer Vision Syndrome โรคจอประสาทตาเสื่อม โรคต้อกระจก โรควุ้นสายตาเสื่อม หรือโรคสายตาสั้นเทียม
2. อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ กระดูก ข้อส่วนต่าง ๆ
- เหมือนคนโดนออฟฟิศซินโดรมเล่นงาน
- แต่การ “ติดโทรศัพท์” หรือเทคโนโลยีอื่นใดก็ตามที่สามารถหมกมุ่นอยู่ได้ทั้งวัน ก็สามารถเกิดอาการใกล้เคียงออฟฟิศซินโดรมได้เหมือนกัน อาการที่มักพบประจำ เช่น
- นิ้วล็อก
- ปวดคอ
- ปวดหลัง
- ปวดบ่า ปวดไหล่
- อาจจะรวมถึงความเสื่อมกระดูก ข้อต่อกระดูก หรือหมอนรองกระดูกบริเวณคอ
- อาการ Cellphone Elbow คือ อาการปวดชา หรือเหน็บชาบริเวณปลายแขนและมือ เนื่องจาก การถือสมาร์ทโฟนด้วยท่าทางที่งอแขนเป็นมุมแคบกว่า 90 องศานานเกินไป
- หรืออาจเป็นโรค RSI (Repetitive Strain Injury) ทำให้มีอาการตึงหรือเจ็บข้อต่าง ๆ ได้แก่
- เจ็บปวดบริเวณข้อมือ นิ้วมือ มือ แขน ข้อศอก
- มีอาการมือชาหรืออ่อนแรง
- มือไม่สามารถทำงานประสานกัน
- ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากการที่เราใช้งานข้อมือนาน ๆ ซ้ำ ๆ และเป็นประจำ
3. โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร/ระบบขับถ่าย
- สถาบันวิจัย Which? จากประเทศอังกฤษ มีงานวิจัยว่า หน้าจอทัชสกรีนของแท็บเล็ต สมาร์ทโฟน รวมถึงและคีย์บอร์ดของคอมพิวเตอร์มีเชื้อแบคทีเรียมากกว่าโถชักโครกถึง 20 เท่า
- แบคทีเรียชนิดนี้มีชื่อว่า สตาฟิโลค็อกคัส ออเรียส (Staphylococcus Aureus) เป็นแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสารพิษและทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียนและท้องร่วง หากเราจับอุปกรณ์พวกนั้นแล้วไม่ล้างมือ เชื้อโรคก็ปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
- นอกจากนี้ พฤติกรรมการ “ติดโทรศัพท์” หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ยังอาจทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับอวัยวะในระบบทางเดินอาหารและการขับถ่าย เช่น
- การกินอาหารไม่ตรงเวลา
- กินแต่อาหารที่ไม่มีประโยชน์
- ขยับเขยื้อนร่างกายน้อย
- การแช่เล่นโทรศัพท์ในห้องน้ำนาน ๆ อาจทำให้มีอาการท้องผูก ท้องร่วง หรือริดสีดวงทวาร
4. โรคอ้วน/โรคขาดสารอาหาร
- แม้พฤติกรรมการติดมือถือจะไม่ได้ส่งผลโดยตรงให้เกิดโรคอ้วน แต่สำหรับคนที่จดจ่ออยู่กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอาแต่นั่งทั้งวันไม่ยอมลุกเดินหรือขยับเขยื้อนร่างกายไปทำอย่างอื่นเลย เป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคอ้วนและโรคเรื่อรังอื่น ๆ
- มีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยซิมอน โบลิวาร์ (SBU) ประเทศโคลอมเบีย ระบุว่า วัยหนุ่มสาวที่มีพฤติกรรมติดสมาร์ทโฟน มีความเสี่ยงต่อโรคอ้วน และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามมา เช่น
- เบาหวาน
- ความดัน
- และโรคเกี่ยวกับหัวใจ
การศึกษานี้ได้ศึกษาพฤติกรรมของนักศึกษาจากคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพในมหาวิทยาลัย SBU จำนวน 1,060 คน แบ่งเป็นหญิง 700 คน และชาย 360 คน ผู้เข้าร่วมการทดลองจะมีอายุ 19-20 ปี พบว่า
- นักศึกษาที่ติดสมาร์ทโฟน โดยเล่นสมาร์ทโฟนมากกว่า 5 ชั่วโมง/วัน มีแนวโน้มที่จะดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล กินอาหารฟาสต์ฟู้ด ขนมหวาน และของว่าง มากกว่าคนที่ไม่ได้ติดถึง 2 เท่า
- และยังทำให้ออกกำลังกายน้อยลง นำไปสู่การเป็นโรคอ้วน และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น 43% เลยทีเดียว
หรือในอีกมุมหนึ่ง การเสพ “ติดโทรศัพท์” และมีพฤติกรรมนั่งเล่นหรือจดจ่ออยู่กับหน้าจอทั้งวัน อาจทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหาร ในกลุ่มคนที่กำลังเจริญเติบโต เพราะ มีความเป็นไปได้สูงที่จะเล่นโทรศัพท์ทั้งวันโดยไม่สนใจวันเวลาและมื้ออาหาร หรือถ้าหิวขึ้นมาก็หันไปกินอาหารประเภทสำเร็จรูป อาหารฟาสต์ฟู้ด ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์กับร่างกาย จึงทำให้เป็นโรคขาดสารอาหาร ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย
5. เกี่ยวกับสภาพจิตใจ
- ความผิดปกติทางด้านอารมณ์และสภาพจิตใจ ที่เกิดขึ้นจากการติดโทร ศัพท์ ติดโซเชียลมีเดีย ติดเกม เทคโนโลยีมีประโยชน์มากก็จริง แต่ถ้าใช้อย่างไม่ระมัดระวัง ขาดการควบคุม ใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ก็มีโทษเช่นกัน
- ที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ ด้านอารมณ์ของคนที่ติดมือถือจนขาดไม่ได้ จะทำให้เกิดอาการกระวนกระวาย โกรธ โดดเดี่ยว ไม่มั่นคง ไม่ปลอดภัย หงุดหงิด ก้าวร้าว ฯลฯ บางคนมีปัญหาในการควบคุมอารมณ์และควบคุมตนเอง รวมถึงความเครียดจากการเสพข่าวสารด้านลบอยู่ตลอดเวลา
บางคนอาจอาการหนักจนเรียกได้ว่าเป็นอาการป่วย เช่น
- โรคอดทนรอไม่ได้ : คนที่จะหงุดหงิด กระวนกระวาย ใจร้อนเวลาที่อินเทอร์เน็ตช้า จนติดมาเป็นพฤติกรรมไม่พึงประสงค์กับชีวิตจริง
- การเชื่อทฤษฎีสมคบคิด : หลงเชื่อข่าวปลอมได้ง่าย และติดอยู่ในห้องเสียงสะท้อน ไม่ยอมเปิดใจรับฟังในสิ่งที่ตนเองไม่ชอบ
- อาการซึมเศร้า : วิตกกังวล มาจากการรอคอยหรือคาดหวังเสียงโทรศัพท์ หรือการตอบกลับข้อความต่าง ๆ คลั่งการกดไลก์ คอมเมนต์ หรือแชร์ข้อความต่าง ๆ
- โรคกลัวตกกระแสหรือ FOMO และโรคขาดมือถือไม่ได้ หรือโนโมโฟเปีย หมกมุ่นกับการใช้โทรศัพท์มากเกินไป
6. ปัญหาการเข้าสังคม
- เพราะ อาการติดหน้าจอ ทำให้ปฏิสัมพันธ์ของเรากับคนรอบข้างน้อยลง ต่างฝ่ายก็มัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ของตนเอง แทนที่จะพูดคุยหรือมีปฏิสัมพันธ์กับคนตรงหน้า
- จึงมีแนวโน้มว่าผู้ที่ “ติดโทรศัพท์“ ติดโซเชียลมีเดีย จะแยกตัวออกจากสังคม แล้วมีโลกส่วนตัวบนออนไลน์มากกว่า พวกเขาคิดว่าไม่จำเป็นต้องสื่อสารกับใครอื่น ตราบใดที่พวกเขามีโทรศัพท์อยู่กับมือ
- Pew Research Center สถาบันวิจัยจากวอชิงตัน ดี.ซี. ได้ทำการศึกษาข้อมูลของผู้ใช้สมาร์ทโฟน พบว่า คนกว่า 82% มีปัญหาการสนทนาในชีวิตจริง เนื่องจากเลือกพิมพ์ข้อความสนทนากันมากขึ้น
- รูปแบบการปฏิสัมพันธ์ที่ควรจะมีจากการสื่อสารพูดคุย ที่มีการแสดงความรู้สึกผ่านสีหน้าท่าทางและแววตาจะหายไป สมาธิสั้น รวมถึงอ่านหนังสือน้อยลง ทำให้ประสิทธิภาพในการพูดคุยกันกับคนอื่น ๆ ลดลงตามไปด้วย
- การเรียนรู้การใช้ภาษาในรูปแบบอื่น เพราะ การสื่อสารในโลกออนไลน์มักจะใช้แค่คำสั้น ๆ จึงมีปัญหาเวลาที่ต้องพูดคุยกับคนอื่นจริง ๆ
7. เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งสมองและโรคเกี่ยวกับสมอง
- ย้ำว่าเป็นการเพิ่มความเสี่ยง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าการใช้สมาร์ทโฟนจะทำให้เป็นโรคมะเร็งเสมอไป ซึ่งสาเหตุมาจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ส่งเข้ามาที่อุปกรณ์สื่อสารโดยตรงระหว่างที่เราใช้งาน การใช้สมาร์ทโฟนเป็นเวลานานกว่า 10 ปี สามารถเพิ่มความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคมะเร็งสมองได้ถึง 2 เท่า โดยมะเร็งจะเกิดกับสมองด้านที่ใช้สมาร์ทโฟนเป็นประจำ
ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นแน่ ๆ คือ ส่งผลต่อการทำงานของสมอง นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส ของสหรัฐอเมริกาได้ทดสอบแล้วว่า ไม่ว่าจะปิดหรือเปิดโทรศัพท์ วางคว่ำหน้าหรือหงายไว้บนโต๊ะ (แล้ววางไว้ใกล้ ๆ ตัว) ล้วนบั่นทอนประสิทธิภาพของสมองลงได้
- การวางสมาร์ทโฟนไว้ใกล้ตัว ทำให้สมองส่วนหนึ่งพะวงหรือคิดถึงมือถือตลอดเวลา จุดนี้บั่นทอนพลังสมอง มีผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานของสมองลดลง อาจส่งผลต่อเรื่องความจำ
นอกจากนี้ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ยังมีผลการศึกษาการใช้โทรศัพท์มือถือ ว่ามันสามารถส่งผลให้เซลล์ของมนุษย์เปลี่ยนแปลง และอาจก่อให้เกิดมะเร็งหรือเนื้องอกในสมองได้ด้วย พวกเขามีคำแนะนำที่ควรปฏิบัติตามคือ ให้กดรับโทรศัพท์ให้ห่างตัวก่อนพูดคุยตามปกติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง