ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ประณามผู้วางยาพิษนร.หญิง ต้องถูกลงโทษขั้นสุด

ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ประณามพร้อมสั่งหาตัวคนวางยาพิษเด็กนักเรียนหญิงในอิหร่าน มาลงโทษขั้นสูงสุด หลังคดีนี้ยืดเยื้อมากว่า 3 เดือน และยังคงมีการวางยาเกิดขึ้นอยู่

อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ออกกล่าวสุนทรพจน์ ในวันปลูกต้นไม้แห่งชาติของอิหร่านว่า ทางการต้องจริงจังในการสืบสวนหาผู้ที่วางยาพิษเด็กนักเรียนหญิงในโรงเรียน หน่วยงานที่รับผิดชอบ หน่วยข่าวกรอง และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย จะต้องติดตามพวกเขาและค้นหาต้นตอสาเหตุของการก่ออาชญากรรมนี้ หากพิสูจน์แล้วว่าเป็นการจงใจวางยาพิษ ผู้กระทำผิดควรถูกประณามด้วยการลงโทษที่รุนแรง เพราะมันเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงและไม่สามารถให้อภัยได้ จะไม่มีการนิรโทษกรรมใดๆทั้งสิ้น ทั้งนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่คาเมเนอี ออกกล่าวสุนทรพจน์ในเรื่องนี้ หลังจากมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมารวมแล้วกว่า 3 เดือน โดยปกติแล้ว ผู้นำสูงสุดจะเป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์เป็นคนสุดท้ายในทุกเรื่องของประเทศ

ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว อิหร่านมีรายงานเกี่ยวกับการวางยาพิษนักเรียนหญิงในโรงเรียน มากกว่า 50 แห่ง ใน 21 จังหวัด ซึ่งอิหร่านมีจังหวัดรวมทั้งสิ้น 30 จังหวัด และจนถึงขณะนี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ยังมีรายงานนักเรียนหญิงถูกวางยาพิษอยู่ ทั้งนี้ มีนักเรียนหญิงตกเป็นเหยื่อของสารพิษ มากกว่า 1 พันราย แม้จะไม่ถึงแก่ชีวิตก็ตาม โดยเหล่านักเรียนหญิงจะมีอาการปวดหัว หัวใจสั่น บ้านหมุน เซื่องซึม หรือไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ บางคนประสบกับภาวะป่วยเรื้อรัง ด้านผู้ปกครองก็รู้สึกไม่พอใจกับเรื่องนี้ จนมีการประท้วงเกิดขึ้น และบางคนถึงขั้นพานักเรียนลาออกจากโรงเรียนพร้อมๆกัน

ทั้งนี้ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายอาหมัด วาฮิดี รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ได้ประกาศว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนได้ค้นพบตัวอย่างบางส่วน ที่อาจเชื่อมโยงกับปริศนาการวางยาพิษได้แล้ว ขอให้ประชาชนยังอยู่ในความสงบ โดยวาฮิดีกล่าวหาผู้วางยาพิษว่า ต้องการยุยงให้เกิดความกลัว เพื่อบ่อนทำลายสาธารณรัฐอิสลาม อย่างไรก็ดี วาฮิดียังไม่ได้มีเปิดเผยในรายละเอียดใดๆออกมา

สำหรัฐอิหร่านนั้น ไม่เคยมีประวัติการกำหนดเป้าหมายไปที่การศึกษาของผู้หญิง เหมือนประเทศข้างเคียงอย่างอัฟกานิสถาน เพราะแม้จะอยู่ในช่วงการปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน ในปี 1979 และแม้จะมีกลุ่มอนุรักษ์นิยมในอิหร่าน ที่โจมตีเหล่าผู้หญิงที่พวกเขามองว่า แต่งกายไม่สุภาพในที่สาธารณะ แต่ผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ยังคงสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยได้อย่างปกติ อย่างไรก็ดี ทางการได้ตั้งข้อสงสัยว่า การวางยาพิษเหล่านี้ เป็นการกระทำเพื่อให้เกิดการบังคับปิดโรงเรียนหญิงล้วนในรัฐอิสลาม

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

จนท.รวบ "หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย" หอบเงิน 15.7 ล้าน เข้าไทย อ้างเล่นพนันได้จากฝั่งปอยเปต
โผล่อีก “หมู่บ้านเขมร” จองแผ่นดินไทย อึ้ง! อุ้มลูกเดินยั้วเยี้ย ตร.เพิ่งจะจับ
งามไส้! “หนุ่มไทย” พกปืน-กระสุนใส่เต็มแม็ก คุ้มกัน “พม่าเถื่อน” เข้าเมือง
ผู้นำสหรัฐเรียกนายกฯแคนาดาว่า” ขี้แพ้”
เพจดังจับโป๊ะพรรคส้ม ขุดยับ “เท้ง-ไอซ์” นำทีมสส.ร่วมทริปกมธ. บินเกาหลีใต้ ใช้งบฯหลักล้านคาใจดูงานแน่เปล่า
มัสก์จี้ข้าราชการอเมริกันเขียนรายงานวันๆทำอะไรบ้าง
ผู้ปกครองพา "ด.ช.วัย 13" ร้องสายไหมต้องรอด ถูกสาวสอง สร้างไอจีปลอม ลวงทำอนาจาร
"ทักษิณ" เอ่ยขออภัยเหตุการณ์ "ตากใบ" ปี 47 ลั่นไม่ตกใจ เหตุบึ้มรถในสนามบินนราฯ รับลงชายแดนใต้
“ทักษิณ” ลั่นปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ ต้องจบในรัฐบาลนี้ ยึดการพูดคุย เป็นแนวทางสร้างสันติสุข
เลขาธิการ สปส. แจงเสถียรภาพ "กองทุนประกันสังคม" ย้ำชัดสิทธิประโยชน์ดีเพิ่มขึ้นทุกปี

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น