จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ “Zorrdra Zar” ซึ่งคาดว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ทีมสอบสวนโรค ได้โพตส์ข้อความสุดเศร้า โดยมีเนื้อหาระบุว่า “หลายครั้งมีเคสคนไข้เสียชีวิตระหว่างทาง เพราะไปโรงพยาบาลไม่ทัน อย่าว่าแต่รถไฟความเร็วสูงเลย ทำถนนให้รอดก่อน #ทีมสอบสวนโควิดเลตอง”
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ทีมแพทย์สาธารณสุขร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภออุ้มผาง เดินทางลงพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร ท่ามกลางถนนขี้โคลนสีแดง รถติดโคลนเจ้าหน้าที่ คนขับรถต้องใช้จอบลงไปขุดขี้โคลนออกจากถนน กว่าจะถึงนานหลายชั่วโมง กับระยะทางเพียง 80 กิโลเมตร เพื่อไปให้ถึงบ้านหม่องก๊วะ ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง จ.ตาก อีกรอบหนึ่งเพื่อทำการสอบสวนโรค ทำการสวอป ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงหลังพบว่า มีนักเรียนในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้าน หม่องก๊วะ เบื้องต้นติดโควิด 3 ราย สัมผัสเสี่ยงสูงอีก 10 ราย คาดว่าจะติดโควิดทั้งหมด กำลังรอผลอีกครั้งจากโรงพยาบาลอุ้มผาง
ขณะที่ข้อมูลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอุ้มผาง แจ้งว่า มีโรงเรียนอีก 1 แห่ง คือโรงเรียนคุณหญิงวิไล อมาตยกุล บ้านเปิ่งเคลิ่ง ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง ที่สาธารณสุขยังไม่ได้เข้าไปสอบสวนโรคซึ่งคาดว่าจะมีนักเรียนติดโควิดสูง อีก 1 โรงเรียน เนื่องจาก มีนักเรียนกับผู้ปกครองยังเข้าออกบริเวณชายแดน ช่องทางบ้านเลตองคุ และ ช่องทางบ้านเปิ่งเคลิ่ง ต.แม่จัน โดยเฉพาะชาวเมียนมาที่นำลูกมาศึกษาเล่าเรียนในฝั่งไทย เชื่อว่าน่านำเชื้อโควิดมาแพร่ระบาดติดในฝั่งไทย
สำหรับ 2 โรงเรียน มีระยะทางจากอำเภออุ้มผางประมาณ 86 กม. ราษฎรเป็นชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงสัญชาติไทย ส่วนใหญ่ นับถือศาสนาพุทธ นับถือลัทธิฤาษีเป็นบางส่วน มีโรงเรียน 2 แห่ง คือ รร. ตชด. บ้านหม่องก๊วะ และ รร. คุณหญิงวิไล อมาตยกุล ซึ่งมีนักเรียนเป็นชาวเมียนมา เข้ามาเรียนจำนวนมาก