อย่างที่ทุกคนรู้ว่ากลุ่มสามมิตรที่เคยเป็นหนึ่งในแกนนำสำคัญของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยุคแรกเริ่มก่อตั้งพรรค ที่ประกอบด้วยแกนนำสำคัญ 3 คน คือ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เป็นพี่ใหญ่ของกลุ่ม สมศักดิ์ เทพสุทิน ที่กลางของกลุ่ม และ อนุชา นาคาศัย ที่เป็นน้องเล็ก ในทางการเมืองทุกคนรู้ดีว่า 3 คนนี้ร่วมหัวจมท้ายอยู่ด้วยกันมานาน รู้ไส้รู้พุงกันทุกขด เปรียบไปก็คล้ายกับ 3 ป. บูรพาพยัคฆ์ “ประวิตร -อนุพงษ์-ประยุทธ์” แต่ของสามพี่น้องสายทหารนั้น ต้องบอกว่าเข้มข้น เข้มแข็ง เหนียวแน่นมากกว่า เพราะ กินอยู่หลับนอนต่อสู้ ยาวนาน 40- 50 ปี ผ่านความเป็นความตายเสียสละชีวิตเพื่อบ้านเมือง ราชบัลลังก์มาอย่างโชกโชน ลึกซึ้งมากกว่าชนิดที่ไม่อาจมีใครเทียบได้
แต่ดูเหมือนสองกลุ่มที่ว่า คือ 3 ป.บูรพาพยัคฆ์ กับ ก๊วนสามมิตร ดูท่าจะมีบทสรุปที่คล้ายๆกันคือแยกทางกันเดิน สำหรับ 3 ป. ตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าไปกันคนละทาง ฝ่ายพี่ใหญ่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังนั่งเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพียงแต่เที่ยวนี้ ขอลุ้นผงาดขึ้นเป็นนายกฯบริหารประเทศแบบเต็มๆ ไม่มีอีแอบไม่มีรายการลับลวงพรางไม่มีการกั๊กอีกต่อไป ขณธที่พี่กลางอย่าง “บิ๊กป็อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ปิดฉากรัฐบาลเรือแป๊ะก็คงขอกลับไปอยู่บ้านแบบชิลด์ไม่ขอยุ่งกับการเมืองอีก เพราะตุนเสบียง ขยายอำนาจ สร้างบารมีไว้มากแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องเสวยสุขพักผ่อนเสียที และไม่อยากที่จะไปอยู่กลางเขาควายความขัดแย้งระหว่าง “พี่ป้อมกับน้องตู่” ฝ่าย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ก็ขอพิสูจน์ตัวเองอีกสักยกว่าเป็นนายกฯสมัยที่ 3 กลางใจคนไทยได้หรือไม่ หลังประกาศเดินหน้ากับพรรคใหม่อย่างรวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แบบเต็มสูบ ตั้งเป้า “ทำแล้ว-ทำอยู่-ทำต่อ” ขอโอกาสคนไทยเข้าไปบริหารประเทศแบบต่อเนื่อง พี่น้อง 3 ป.ถึงเวลาต่างคนต่างไป
ข้างฝ่ายก๊วนสามมิตรก็ไม่ต่างกันหลังจากร่วมหอลงโลงกันมานานที่สุดก็ถึงเวลาต่างจากกัน ไม่รู้แตกการเมืองหรือแตกกันจริง แต่ตอนนี้ก๊วนสามมิตรหมดสภาพการดำรงอยู่แล้ว หลัง “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ประกาศไขก๊อกทางการเมืองขอไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ตามไปอยู่กับบิ๊กตู่ เพราะซึ้งในความเป็นลูกผู้ชายเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อชาติอย่างแท้จริง ส่วนที่กลางกับพี่ใหญ่อย่าง “สมศักดิ์กับสุริยะ” นั้นยังไม่แน่ แม้ล่าสุดสุริยะจะออกมาประกาศว่าไม่ย้ายไปไหนจะอยู่ช่วยลุงป้อมในพรรคพลังประชารัฐต่อไป ท่ามกลางกระแสข่าวแลกกับดีลคดีซื้อแอร์บัส 10 ลำ ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ให้แจ้งข้อกล่าวหาทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกฯ พิเชษฐ สถิรชวาล รมช.คมนาคม ทนง พิทยะ ประธานกรรมการ บมจ.การบินไทย และ กนก อภิรดี ดีดี การบินไทย แต่ไม่ยักสั่งฟ้องสุริยะ ในฐานะอดีต รมว.คมนาคม ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา โดยระบุว่า ในขณะที่มีการอนุมัติให้มีการจัดซื้อเครื่องบินแอร์บัส A340-500 และ A340-600 จำนวน 10 ลำ ในช่วงปี 2546-2547 ดังกล่าวนั้นสุริยะ ไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบและกำกับดูแล บมจ.การบินไทย แต่เป็นพิเชษฐ ในฐานะ รมช.คมนาคม ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการกำกับดูแลบมจ.การบินไทย งานนี้เลยทำให้หลายคนมองว่ามีใบสั่งจากลุงป้อมให้ป.ป.ช.หลับตาข้างเดียวให้สุริยะแลกกกับการอยู่พรรคพลังประชารัฐต่อไป
พอออกลูกแบบนี้ ยิ่งทำให้คอการเมืองเชื่อว่าสามมิตรคงไม่ย้ายจากลุงป้อมแน่ เพราะมีคดีความช่วยเหลือที่เป็นบุญคุณกันอยู่ แต่ขณะเดียวกันก็มีข่าวว่าสมศักดิ์แอบติดต่อกับเบอร์ใหญ่ของพรรคเพื่อไทย เป็นระดับ 1 ใน 3 เจ้าแม่ที่มีอำนาจในคอกแม้ว ข่าวว่าสมศักดิ์แอบคุยมานานเรื่องกลับบ้านเก่า พอเห็นพลังประชารัฐทำท่าไม่ดี ก็ค่อยๆบอกลูกน้องเก่าให้ค่อยๆย่องเบาๆ ทยอยออกจากมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด กลับบ้านที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่แบบเงียบๆ พร้อมประโยคเด็ด “พวกเอ็งกลับไปก่อน เดี๋ยวพี่จะตามกลับไปตอนนาทีสุดท้ายใกล้ๆเลือกตั้ง ” ความจริงเรื่องสมศักดิ์กลับเพื่อไทยไม่น่าจะมีใครรู้ แต่ที่โป๊ะแตกความลับรั่วก็เพราะสมศักดิ์ไปออกลูกโฉ่งฉ่าง เพราะดันไปทาบอดีตผู้สมัครส.ส.ปากน้ำโพของพรรคประชาธิปัตย์ให้กับไปอยู่พรรคเพื่อไทยด้วยกัน ความแตกเพราะเจ้าตัวไม่อยากไปเลยเอาเรื่องนี้ไปบอกแกนนำพรรค ทุกคนเลยถึงบางอ้อว่าสมศักดิ์เตรียมเทลุงป้อมทิ้งพรรคพลังประชารัฐ เพราะสัมภาษณ์อนาคตสามมิตรทุกครั้งก็ออกลูกกั๊กมาตลอด ล่าสุดขนาดสุริยะประกาศอยู่กับลุงป้อมดังๆชัดๆไปแล้ว สมศักดิ์ดันมาเขย่าเรื่องย้ายพรรคอีก แถมที่พีคสุดๆคือออกมาให้สัมภาษณ์นักข่าวว่าเป็นส.ส.ทุกสมัยถนัดแต่เป็นรัฐบาลไม่เคยเป็นฝ่ายค้าน ” ทุกคนต้องการเป็นรัฐบาล เมื่อเป็นไม่ได้ก็ต้องไปตามอุดมการณ์ แต่ตนถนัดเป็นรัฐบาลมากกว่าฝ่ายค้าน….ผมตอบไม่ได้ว่าจะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ แต่ต้องบอกว่าผมไม่เคยเป็นฝ่ายค้าน ในขณะที่เป็นส.ส.” สมศักดิ์ระบุ
สมศักดิ์เป็นปลาหลายน้ำ เป็นนักการเมืองข้าหลายเจ้าบ่าวหลายนาย เกิด 13 ม.ค.2498 ปัจจุบันอายุ 68 ปี เคยเป็นรัมนตรีมาแล้วหลายสมัยหลายยุค เป็นรัฐมนตรีครั้งแรกยุคพล.อ.สุจินดา คราประยูร ในตำแหน่ง รมช.สาธารณสุข ต่อมายุคชวน 1 เป็นรมช.คมนาคม สมัยบิ๊กจิ๋ว พล.อ.ชวลิตเป็นรมว.สาธารณสุข พอมาสมัยชวน 2 ก็เป็นรมว.อุตสาหกรรม เข้าสู่ยุคทักษิณก็เป็นรองนายกฯ รมว.แรงงาน รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา รมว.เกษตรและสหกรณ์ มาสมัยบิ๊กตู่ก็เป็นรมว.ยุติธรรม สมศักดิ์อยู่มาหลายพรรคตอนโดด่งดังสุดก็เป็นแกนนำกลุ่มวังน้ำยมในพรรคไทยรักไทยยุคทักษิณ เคยประกาศนโยบายขายฝัน “โคล้านตัว” ให้คนไทย แต่เอาเข้าจริงจัดหาโคได้แค่ 21,684 ตัวเท่านั้น แถมโครงการดังกล่าวก็ถูกข้อครหามากมาย หลังถูกบิ๊กบังรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 สมศักดิ์พากลุ่มวังน้ำยมมาตั้ง “กลุ่มมัชฌิมา” ต่อมาในปี 2550 ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี จากคดียุบพรรคไทยรักไทย สมศักดิ์พาก๊วนสมาชิกที่เหลือไปสังกัดพรรคประชาราช โดยให้ อนงค์วรรณ เทพสุทิน ภรรยา เป็นเลขาธิการพรรค แต่อยู่กับทางพรรคประชาราชได้ไม่นาน ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เลขาธิการพรรค มีความเห็นไม่ลงตัวกับเสนาะ เทียนทอง กลุ่มของประชัยและสมศักดิ์จึงได้ไปรวมตัวกันใหม่ ในชื่อ พรรคมัชฌิมาธิปไตย โดยวางตัวอนงค์วรรณเป็นเลขาธิการพรรค ต่อมาสมศักดิ์ก็แตกกับประชัยอีก
ต่อมาในปี 2551 ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีคำพิพากษายุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 5 ปี ทำให้ ส.ส. ในกลุ่มของสมศักดิ์ จึงได้ย้ายมาร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับกลุ่มเพื่อนเนวิน ในนามพรรคภูมิใจไทย สมศักดิ์ไร้ตัวตนอยู่นานจนที่สุดถูก “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ชวนมาตั้งพรรคพลังประชารัฐหนุนบิ๊กตู่เป็นนายกฯ สมัย 2 และก็สำเร็จตามคาด แต่พอเป็นรัฐบาลได้ไม่นาน สมศักดิ์กับก๊วนสามมิตรก็ก่อกบฎกับกลุ่มสมคิดและ 4 กุมาร เพราะเปิดฉากไล่ตะเพิด “อุตตม-สนธิรัตน์” อ้างไม่เห็นหัวส.ส.ในพรรค แต่ความจริงต้องการเอาใจลุงป้อมที่จะเข้ามาเป็นหัวหน้าคนใหม่ ล่าสุดก็อย่างที่เห็นสามมิตรแตกยับสมศักดิ์ซื้อเวลาบอกว่าจะอยู่กับลุงป้อมต่อ แต่ลับหลังก็ให้ลูกน้องลงเรือหนีไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยหมด เพราะบวกลบคูณหารดีลูกคิดรางแก้วแล้ว ถ้าอยู่พปชร.ต่อไปนั่งบัญชีรายชื่อมีหวังตายแหง๋ๆ เพราะไม่รู้จะติด 1 ใน 10 คนเหลือไม่ หรือถ้าได้อยู่ก็คงปลายๆ สู้กลับไปลุ้นกับเพื่อไทยน่าจะมีโอกาสมากกว่า อุดมการณ์ของสมศักดิ์ก็เป็นอย่างที่เห็น เขี้ยวรากดินตัวพ่อ “เสือ สิงห์ กระทิง แรด” ต้องกราบกราน ข่าวคาวสมศักดิ์เป็นอย่างไรคนในแวดวงการเมืองรู้ดี แค่ปากบอกว่าถนัดเป็นรัฐบาลอย่างเดียวไม่คิดเป็นฝ่ายค้าน ประโยคเดียวอ้าปากก็เห็นลิ้่นไก่ สมศักดิ์เป็นนักการเมืองแบบไหนไม่ต้องเหลา เอาง่ายๆ แค่ถีบหัวส่งทักษิณ ประชัย สมคิด พล.อ.ประวิตร มาแล้วเท่านั้นเอง
//////////////////
