ทำความรู้จัก "ดาวยูเรนัส" หรือดาวมฤตยู ดาวเคราะห์สุดลึกลับ กับ 8 เรื่องน่ารู้ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้
ข่าวที่น่าสนใจ
1. ภาพรวมของ “ดาวยูเรนัส”
เป็นดาวเคราะห์ที่มีวงโคจรห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 7 และเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 โดยได้ชื่อมาจากยูเรนัส หรือ อูรานอส (Οὐρανός) เทพแห่งท้องฟ้าและสรวงสวรรค์ในเทพปกรณัมกรีกโบราณ
ดาว ยูเรนัสถือว่าเป็นดาวเคราะห์น้ำแข็งยักษ์ (Ice giant) เช่นเดียวกับดาวเนปจูน เนื่องจากดาวเคราะห์ทั้ง 2 ดวงมีองค์ประกอบทางเคมีแตกต่างจากดาวเคราะห์แก๊สยักษ์ (Gas giant : ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์) ตรงที่ดาว ยูเรนัสกับเนปจูนมีสารประกอบจาก
- คาร์บอน ไฮโดรเจน
- ออกซิเจน ไนโตรเจน เช่น น้ำ มีเทน และแอมโมเนียมากกว่า
ขณะที่พวกวัตถุน้ำแข็งขนาดเล็กในระบบสุริยะชั้นนอก มักประกอบด้วยสารประกอบเหล่านี้ในสภาวะเยือกแข็ง ทำให้ดาว ยูเรนัสและดาวเนปจูนถูกเรียกเป็นดาวเคราะห์น้ำแข็งยักษ์ แม้ว่าดาวเคราะห์ชั้นนอกทั้ง 2 ดวงจะไม่มีพื้นผิวเป็นของแข็งเลยก็ตาม
นอกจากนี้ แก๊สมีเทนในบรรยากาศชั้นบนของดาว ยูเรนัส ยังเป็นตัวดูดกลืนแสงสีแดงในแสงอาทิตย์ ทำให้ดาว ยูเรนัสปรากฏเป็นสีฟ้า (ตามแสงสะท้อนออกมา) ในขณะที่บรรยากาศของดาว ยูเรนัสยังเป็นบรรยากาศของดาวเคราะห์ที่หนาวเย็นที่สุดในระบบสุริยะ ด้วยอุณหภูมิ -224 องศาเซลเซียส
2. การค้นพบดาว ยูเรนัส ดาวพระเจ้าจอร์จ
แม้ว่าดาว ยูเรนัสจะสว่างพอที่จะเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ความสว่างของดาว ยูเรนัสก็อยู่เกือบใกล้ขีดจำกัดของสายตามนุษย์ในท้องฟ้ามืดสนิท นักดาราศาสตร์หลายคนจึงถือว่าเป็นดาวเคราะห์ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
นักดาราศาสตร์ในสมัยก่อนต่างไม่ทราบว่าดาว ยูเรนัสเป็นดาวเคราะห์ เนื่องจากความสว่างที่ริบหรี่และความเชื่องช้าในการโคจรของดาว ยูเรนัสเอง แม้ว่าจะเคยมีนักดาราศาสตร์หลายคนเคยสังเกตการณ์และบันทึกตำแหน่งดาว ยูเรนัส แต่กลับคิดว่าเป็นดาวฤกษ์
จนกระทั่งวิลเลียม เฮอร์เชล (William Herschel) นักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษได้ค้นพบดาวเคราะห์ดวงนี้เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ.1781 (ตรงกับสมัยธนบุรีในประวัติศาสตร์ไทย)
- ด้วยกล้องโทรทรรศน์ขนาดหน้ากล้อง 6.2 นิ้วจากสวนของบ้านตนเองในเมืองบาธ (Bath) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ
- โดยในช่วงแรกเฮอร์เชลคาดว่าวัตถุที่ค้นพบใหม่นี้น่าจะเป็นดาวหาง ก่อนที่นักดาราศาสตร์คนอื่นจะช่วยกันคำนวณวงโคจรจนทราบว่าเป็นดาวเคราะห์ในภายหลัง
- เฮอร์เชลเคยจะตั้งชื่อให้วัตถุที่ค้นพบใหม่ว่า Georgium Sidus (แปลภาษาละตินว่าดาวพระเจ้าจอร์จ) เพื่อเป็นเกียรติแก่สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 (George III) ที่ปกครองสหราชอาณาจักรในขณะนั้น
- แต่โยฮันน์ โบเดอ (Johann Bode) นักดาราศาสตร์ชาวเยอรมันเสนอชื่อ ยูเรนัส เพราะ เทพยูเรนัสเป็นพ่อของเทพโครนอส (แซทเทิร์น) และเป็นปู่ของเทพซูส (จูปีเตอร์) เพื่อให้ความเป็นพ่อลูกสอดคล้องกับลำดับความใกล้ไกลจากดวงอาทิตย์ ระหว่างดาวพฤหัสบดี-ดาวเสาร์-ดาว ยูเรนัส
- ชื่อยูเรนัส เป็นที่นิยมใช้ในวงการดาราศาสตร์ในชาติตะวันตกชาติอื่น ๆ มากกว่า ซึ่งกว่าทางอังกฤษจะยอมรับชื่อยูเรนัส เวลาก็ล่วงเข้าไปปี ค.ศ.1850
3. การสำรวจ “ดาวยูเรนัส”
ในปัจจุบัน เคยมียานสำรวจดาว ยูเรนัสเพียงลำเดียว คือ ยานวอยเอเจอร์ 2 (Voyager 2) ของสหรัฐฯ ที่เฉียดเข้าใกล้ดาว ยูเรนัสเมื่อวันที่ 24 มกราคม ค.ศ.1986 (หลังจากที่ส่งขึ้นสู่อวกาศเมื่อปลายเดือนสิงหาคม ค.ศ.1977)
ระหว่างที่ยานลำนี้เข้าใกล้ดาว ยูเรนัสได้ตรวจพบดวงจันทร์เพิ่มเติม 11 ดวง รวมถึงวงแหวนส่วนหนึ่ง (นักดาราศาสตร์ค้นพบวงแหวนของดาว ยูเรนัสจากการสังเกตการณ์บนโลกก่อนหน้านี้) วัดความยาวนานของคาบการหมุนรอบตัวเองครบรอบที่ 17 ชั่วโมง 14 นาที
ศึกษาบรรยากาศและสนามแม่เหล็กของดาว ยูเรนัส รวมไปถึงการถ่ายภาพกลุ่มดวงจันทร์ขนาดใหญ่ของดาว ยูเรนัส ค้นพบเครือข่ายหุบเหวซับซ้อนบนดวงจันทร์มิแรนดา (Miranda) ทำให้นักดาราศาสตร์คาดการณ์ว่าเกิดจากการที่ดวงจันทร์ดวงนี้เคยแตกออกก่อนสสารที่หลุดออกไปกลับมารวมกันอีกครั้ง
4. “ดาวยูเรนัส” มีดวงจันทร์บริวารทั้งหมด 27 ดวง
ปัจจุบัน (8 มีนาคม 2023) ดาว ยูเรนัสมีจำนวนดวงจันทร์บริวารที่ยืนยันแล้วทั้งสิ้น 27 ดวง แต่ละดวงตั้งชื่อตามตัวละครในบทประพันธ์ของวิลเลียม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) และอเล็กซานเดอร์ โปป (Alexander Pope) ซึ่งแตกต่างไปจากดวงจันทร์ของดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ที่มีการตั้งชื่อตามตำนานเทพเจ้ากรีกและโรมัน
ดวงจันทร์ของดาว ยูเรนัสแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่
- ดวงจันทร์ชั้นใน 13 ดวง
- ดวงจันทร์หลักขนาดใหญ่ 5 ดวง
- และดวงจันทร์ไร้รูปร่าง 9 ดวง
เกือบทั้งหมดเป็นดวงจันทร์ขนาดเล็ก โดยมีไททาเนีย (Titania) เป็นดวงจันทร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1,580 กิโลเมตร หรือประมาณครึ่งหนึ่งของดวงจันทร์ของโลก และมีดวงจันทร์คิวปิด (Cupid) เป็นดวงจันทร์ที่ขนาดเล็กที่สุด มีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 18 กิโลเมตร
5. “ดาวยูเรนัส” มีวงแหวน
วงแหวนของดาว ยูเรนัสแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ
- กลุ่มวงในหรือกลุ่มที่อยู่ใกล้กับตัวดาว เป็นวงแหวนหลัก
- วงแหวนฝุ่นฟุ้งกระจายรอบนอก
วงแหวนหลัก ประกอบด้วย
- วงแหวนย่อยสีเทาภายในอีกประมาณ 9 ชั้น
- มีความหนาประมาณ 10 กิโลเมตร
- มีองค์ประกอบหลักเป็นอนุภาคน้ำแข็ง จึงสะท้อนแสงได้ดี
วงแหวนฝุ่นรอบนอก
- มีวงย่อยอีก 2 วง เป็นอนุภาคฝุ่นที่สะท้อนแสงได้น้อย
- จึงมองเห็นได้ค่อนข้างยาก
นักดาราศาสตร์คาดว่าวงแหวนเหล่านี้ไม่ได้ก่อตัวขึ้นพร้อมกับดาว ยูเรนัส แต่น่าจะเกิดจากวัตถุขนาดเล็กรอบ ๆ ดาวที่พุ่งชนกันเอง จนแตกสลายกลายเป็นอนุภาคขนาดเล็กที่โคจรรอบดาว ยูเรนัส
6. ยูเรนัสกลิ้งไปรอบ ๆ ดวงอาทิตย์
ดาว ยูเรนัสมีแกนหมุนรอบตัวเองที่เอียงถึง 97.8 องศาจากแกนตั้งฉากระนาบวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ ถือว่าเอียงมากที่สุดในบรรดาดาวเคราะห์ทั้งหมด จึงเปรียบได้กับลูกบอลยักษ์สีฟ้าที่กำลังกลิ้งอยู่รอบดวงอาทิตย์
ส่งผลให้เกิดฤดูกาลบนดาวเคราะห์ที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว เนื่องจากดาว ยูเรนัสใช้เวลาถึง 84 ปีในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ครบ 1 รอบ
- ช่วงฤดูร้อนจะมีดวงอาทิตย์อยู่บนท้องฟ้ายาวนานกว่า 21 ปี
- ฤดูหนาวที่มืดมิดไร้ดวงอาทิตย์อีก 21 ปี
7. ชื่อดาว ยูเรนัสในหลากหลายวัฒนธรรม
ชื่อยูเรนัส จากเทพแห่งท้องฟ้าและสรวงสวรรค์ในเทพปกรณัมกรีกโบราณ ได้แพร่หลายเป็นชื่อเรียกดาวเคราะห์ดวงนี้ในกลุ่มภาษาตะวันตก รวมถึงภาษาของประเทศส่วนหนึ่งที่เคยเป็นอาณานิคม (เช่น ယူရေနတ် ยูเรนัต ในภาษาพม่า / Uranus ในภาษามลายู-ภาษาอินโดนีเซีย / Urano ในภาษาตากาล็อก)
ขณะที่แถบเอเชียตะวันออกและเวียดนาม ใช้อักษรจีนสำหรับชื่อดาว ยูเรนัสตามลักษณะของเทพยูเรนัสว่า 天王星 (แปลว่า ดาวราชาสวรรค์) เพียงแต่ออกเสียงแตกต่างกันในแต่ละภาษา (เทียนหวางซิง ในภาษาจีนกลาง / ช็อนวังซ็อง ในภาษาเกาหลี / เท็นโนวเซย์ ในภาษาญี่ปุ่น / ซาวเทียนเวือง ในภาษาเวียดนาม)
แถบพื้นที่ประเทศไทยและลาวในสมัยก่อนที่ดาราศาสตร์กับโหราศาสตร์ยังแยกกันไม่ชัดเจน เคยนิยมใช้ชื่อ ดาวมฤตยู/ດາວມະລຶດຕະຍູ แต่ในปัจจุบันจะใช้ชื่อ ดาว ยูเรนัส/ດາວຢູເຣນັດ จากบริบททางดาราศาสตร์มากกว่า
แต่ก็มีประเทศอื่นในแถบเอเชียที่เรียกชื่อดาว ยูเรนัสแตกต่างออกไปทั้งในอดีตหรือปัจจุบัน อย่างทางกัมพูชา เคยเรียกดาว ยูเรนัสว่า រាហុ៍ เรีย ซึ่งมีรากศัพท์ร่วมกับคำ ราหู แต่ในปัจจุบันใช้ชื่อ អ៊ុយរ៉ានុស อุยรานุ ตามชื่อยูเรนัส หรือทางอินเดีย ที่ในภาษาฮินดีเรียกดาว ยูเรนัสว่า अरुण อรุณ
8. กลุ่มดาวแกะคือตำแหน่งปัจจุบันของดาว ยูเรนัส (มีนาคม 2023)
โดยปกติแล้วดาวเคราะห์จะมีตำแหน่งปรากฏบนท้องฟ้าเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ บนเส้นสุริยะวิถี ซึ่งเส้นสุริยะวิถีจะลากผ่านกลุ่มดาวสากลจำนวน 12 กลุ่มดาว (กลุ่มดาว 12 จักรราศี)
ซึ่งพื้นที่กลุ่มดาวบนท้องฟ้านั้นมีการกำหนดอย่างเป็นทางการโดยสหพันธ์ดาราศาสตร์นานาชาติ (IAU) เป็นเส้นสีแดงดังภาพประกอบ โดยขณะนี้ “ดาวยูเรนัส” ปรากฏอยู่ในพื้นที่ของกลุ่มดาวแกะ (Aries) และจะเคลื่อนเปลี่ยนตำแหน่งสู่กลุ่มดาววัว (Taurus) ในเดือนพฤษภาคม 2024
แต่จะเคลื่อนที่ถอยหลังกลับไป-กลับมาเล็กน้อยระหว่าง 2 กลุ่มดาว เป็นผลมาจากการที่โลกโคจรแซงหน้าดาว ยูเรนัสในช่วงนี้ จนกระทั่งต้นปี 2025 เป็นต้นไป ยูเรนัสจะอยู่ในกลุ่มดาววัวแบบเต็มตัว
***เกร็ดความรู้ : “ดาวยูเรนัส” โคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยคาบ 84 ปี หากนำ 84 หารด้วย 12 จะได้เท่ากับ 7 นั่นหมายความว่า ยูเรนัสจะเปลี่ยนตำแหน่งบนกลุ่มดาวจักรราศีประมาณทุก ๆ 7 ปี ***
ข้อมูล : NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง