“บิ๊กโจ๊ก” ส่งสำนนวนเอาผิด ตม. 107 นาย เอื้อทุนจีนเทา ให้ ป.ป.ช.

ส่วนอีก 9 นาย ฟ้องในฐานความผิดเรียกรับผลประโยชน์ มาตรา 149 ซึ่งตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบความเชื่อมโยงเอาผิดได้ 9 นาย ในขณะนี้สอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 400 ปาก แต่ในสวนของผู้ต้องหาที่ไม่ได้มีการสอบปากคำ เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนที่สามารถทำได้ หากเห็นว่า หลักฐานและพยานมีน้ำหนักเพียงพอที่จะดำเนินคดีในความผิด ไปผู้ถูกกล่าวหาสามารถชี้แจงในชั้นไต่สวนของ ป.ป.ช. ได้ โดยพยานหลักฐานต่างๆ ในคดีทั้งหมดที่จะส่งมอบ ให้ ป.ป.ช. ในวันนี้ มีมากกว่า 40 ลัง สำนวนคดีมากกว่า 1 แสนแผ่น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวถึงนายพลที่ถูกดำเนินคดีและเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนในร้อยตำรวจด้วยว่า แม้จะเป็นเพื่อนร่วมรุ่น แต่หากทำผิดก็ต้องดำเนินคดี รวมทั้งนายตำรวจที่เกษียณอายุราชการไปแล้วก็จะมีขั้นตอนในการดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นเดียวกัน

ส่วนกรณีที่มีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ส่งเรื่องร้องเรียนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ตัวเองปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการสอบสวนนั้น ถือว่าเป็นสิทธิ์ที่ผู้ร้องเรียนสามารถกระทำการได้ เนื่องจากเป็นการตรวจสอบในทุกมิติของกระบวนการทำงาน ยินดีที่จะให้มีการตรวจสอบ เพื่อความโปร่งใสกับทุกฝ่าย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการขยายผลที่ได้จากคดีกวาดล้างทุนจีนสีเทาอีกว่า การกวาดล้างจับกุมกลุ่มทุนจีนสีเทาที่ไปกว้านซื้อหมู่บ้านหรู เกือบทั้งหมู่บ้านในพื้นที่อำเภอสันทรายและอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ พบอย่างน้อย 4 – 5 โครงการ โดยเป็นการซื้อเหมาทั้งโครงการไปจนถึงการพยายามที่จะซื้อโรงเรียนเอกชน และว่าจ้างคนไทยในกลุ่มอาชีพหัตถการ งานฝีมือด้านต่างๆ มาทำงาน รวมถึงจ้างทำผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งออกจำหน่ายไปยังประเทศจีน ว่า พฤติการณ์การกว้านซื้อคล้ายกับการไปกว้านซื้อบ้านหรู เกือบทั้งโครงการของหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งย่านลาซาล ( โครงการของ SC assess บางกอกบูเลอวาร์ด) แต่ที่เชียงใหม่จะมีขนาดใหญ่กว่ามาก เพราะเป็นการซื้อยกหมู่บ้าน เพื่อมาทำสปอร์ตคอมเพล็กซ์ของคนจีนโดยเฉพาะ โดยสัปดาห์หน้าตนเองจะเดินทางไปประชุมสรุปภาพรวมการสืบสวนสอบสวนทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง