มีรายงานความคืบหน้ากรณีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ได้สั่งการให้ สอบสวนขยายผล และดำเนินคดี กับ เจ้าหน้าที่ ตม. ที่เข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันและเอื้อประโยชน์ ให้นายทุนจีนสีเทา ในการช่วยเหลือในการอนุญาตขออยู่ต่อในราชอาณาจักรโดยใช้วิธีการสร้างหลักฐานเกี่ยวกับการเรียนภาษา หรือการเป็นสมาชิกของมูลนิธิ โรงเรียนและสมาคมต่างๆ โดยมีเอกสารพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดีมากถึง 139,000 แผ่นดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง โดยในจำนวนนั้นเป็นการตั้งข้อหา ผิด ม.157 จำนวน 107 นาย ซึ่งในจำนวนนี้มีนายพลอยู่ด้วย 3 นายโดยมีพฤติกรรมคดี กระทำต่างกรรมต่างวาระ รวม 8,000 กรรมด้วยกัน โดยรองผบ.ตร.เตรียมส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. เพื่อผิดจารณาชี้มูลความผิด ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ล่าสุดวันนี้ (10 มี.ค.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า หัวหน้าพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเวฬุวัน อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น นำโดย พล.ต.ต. นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้บังคับการกองบังคับการศูนย์ฝึกอบรม กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.ศฝร.บช.น.) ได้นำสำนวนคดีกล่าวหาอดีตนายพลตำรวจ กับพวกรวม 107 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) สังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองขอนแก่น อำนาจเจริญ ยโสธร หนองบัวลำภู อุดรธานี นครราชสีมา กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ สกลนคร แพร่ เชียงใหม่ พระนครศรีอยุธยา นครศรีธรรมราช นนทบุรี ซึ่งเป็นหลายพื้นที่ทั้งภาค 4 และต่อเนื่องภาค 5
โดยกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ดังกล่าว มีการรับคำร้องเกี่ยวกับกรณีบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน ขออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และมีการเปลี่ยนแปลงการลงตราวีซ่า อ้างเหตุผลความจำเป็นว่าเพื่อปฏิบัติงานในมูลนิธิ สถานศึกษาของเอกชน ว่ามีการฝ่าฝืนหลีกเลี่ยงกฎหมาย ระเบียบคำสั่ง ที่จะอนุญาตโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้คนต่างด้าว อยู่ในราชอาณาจักรได้นานขึ้น เปิดให้คนต่างด้าวรวมกลุ่มกัน และเป็นกระบวนการก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในสังคม กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ เป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหาย