วันที่ 9 ส.ค. 64 นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า จดหมายจากเพนกวินถึงพ่อแม่พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ “ข้าฯขอให้การว่า ข้าฯไม่ได้หลบหนี และไม่ได้มีเจตนาหลบหนีแต่อย่างใด ข้าฯไม่เคยทราบมาก่อนว่า ได้ถูกออกหมายจับนี้ และพนักงานสอบสวนไม่เคยออกหมายเรียกมาก่อน ทราบจากข่าวว่าตำรวจจะดำเนินคดีจากการทำกิจกรรมเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 ข้าฯจึงต้องการแสดงความบริสุทธิ์ด้วยการเดินไปแสดงตัว แสดงความบริสุทธิ์ใจที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานใหญ่ที่สุดของตำรวจ
ก่อนข้าฯจะเดินทางไป ก็ได้ประกาศแจ้งแก่สาธารณชนให้ทราบล่วงหน้าผ่านเพจเฟสบุ๊คแล้ว ส่วนสาเหตุที่เดินทางไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อต้องการจะสอบถามถึงการดำเนินคดีทั้งหมดป้องกันมิให้มีการออกหมายจับข้าฯภายหลัง เพื่อยับยั้งมิให้ข้าฯไปใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญในการขับไล่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมกันนี้ข้าฯ ขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตรวจสอบผ่านทางฐานข้อมูลองสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั้งหมด หรือประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากปรากฏว่ามีหมายจับของสถานีตำรวจที่ใด ก็ขอให้นำมาแสดงต่อข้าฯ ในวันนี้ทันที เพราะถือว่าข้าฯมาปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งมีอำนาจในการจับกุมตามกฏหมายแล้ว
ข้าพเจ้าขอสาบานต่อสถาบันประชาชนว่า ข้าพเจ้ามิเคยยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานใด ข้าฯไม่เคยกระทำความผิดซ้ำซาก เพราะยังมิได้ถูกศาลใดตัดสินให้มีความผิดพลาดตามข้อกล่าวหาทั้งหลายที่ตำรวจยัดเยียดให้ และที่สำคัญที่สุด ข้าฯไม่เคยคิดหลบหนีแต่ประการใด อีกทั้งข้าฯไม่เคยก่อภยันตรายใดๆ แก่ผู้อื่น ข้าฯเพียงแต่พูดความจริง และเรียกร้องประชาธิปไตยเท่านั้น ข้าฯขอยืนยันว่าข้าจะยืนหยัดต่อสู้จนกว่าประเทศชาติจะเป็นประชาธิปไตย และคนไทยเท่าเทียมกันในทุกด้าน หากข้าฯ ผิดต่อคำสาบานแล้วไซร้ ขอให้ข้าฯประสบแต่ความวอดวาย หากข้าฯได้กระทำตามที่ได้สาบานได้จริง ขอให้ประเทศไทย ไม่มีชนชั้นศักดินาอีกต่อไป
ทั้งนี้ข้าฯขอเรียกร้องให้ตำรวจทั้งหลายนั้นมายืนอยู่เคียงข้างประชาชนซึ่งกำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย อย่าได้ปกป้อง หรือยืนอยู่ข้างรัฐบาลเผด็จการ เพราะแท้จริงแล้วประชาชนคือเจ้าของประเทศ และเป็นผู้เสียภาษีเลี้ยงดูข้าราชการทั้งปวง รวมถึงตำรวจด้วย อีกทั้งในขณะนี้ความล้มเหลวของรัฐบาลก็ได้ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ มีผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และประเทศยังเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำซึ่งมีประชาชนจำนวนมาก รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับความเดือดร้อนในการหาเลี้ยงชีพ รัฐบาลนี้ใกล้ถึงแก่การล่มสลายลงแล้ว หากตำรวจหันมาเคียงข้างประชาชนก็จะได้ชื่อว่าเป็นวีรบุรุษของประชาชน แต่หากยังคงรับคำสั่งจากรัฐบาลเผด็จการก็จะถูกสังคมติฉินนินทา และถูกจดจำว่าเป็นผู้ทำร้ายประชาชน
ข้าฯเชื่อว่าตำรวจทั้งหลายมีมโนสำนึกมมองเห็นความล้มเหลวของรัฐบาลชุดนี้เช่นเดียวกับที่ประชาชนรู้เห็น และทราบดีว่าคำสั่งจากรัฐบาลที่ให้ทำร้ายประชาชนนั้น เป็นคำสั่งที่ชั่วร้าย และไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอเรียกร้องให้ตำรวจกระทำตามมโนสำนึก ทั้งในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชน และมนุษย์คนนึง โดยการไม่ยอมอีกต่อไป ข้าฯ เชื่อว่าหากตำรวจอยู่เคียงข้างประชาชน ประชาชนก็จะอยู่เคียงข้างตำรวจเช่นเดียวกัน เผด็จการจงพินาศประชาธิปไตยจงเจริญ ศักดินาจงพินาศประชาราษฎร์จงเจริญ