เมื่อวันที่ 10 มี.ค. เพจ “สวนสัตว์พาต้า” ได้ออกมาโพสต์คำแถลงการณ์ กรณีการประกาศเรื่องต่อสู้และดำเนินคดีความกับผู้ต่อต้านและบุกรุก พร้อมตั้งรางวัลนำจับ 1 แสนบาท เพื่อตามล่ากลุ่มคนทำลายทรัพย์สิน ร้องปล่อยตัวลิงกอริลลา “บัวน้อย” โดยทางเพจระบุข้อความว่า “เมื่อเวลาประมาณตี 1 ของเช้าวันที่ 6 มีนาคม 2566 ได้มีกลุ่มผู้กระทำความผิด จำนวน 5 คน บุกรุกพื้นที่ของห้างสรรพสินค้าพาต้า โดยใช้การปีนสะพานลอยผ่านเข้ามายังขอบอาคารชั้น 3 ด้านหน้าห้าง ฯ และ ทำลายทรัพย์สินของบริษัทด้วยการพ่นสีใส่ผนังอาคาร เป็นข้อความในเชิงต่อต้านการครอบครองลิงกอริลลาของสวนสัตว์พาต้า โดยเขียนว่า “Free Buanoi” และอักษรภาษาอื่น ๆ เป็นทางยาวกว่า 20 เมตร
เพจ "สวนสัตว์พาต้า" โพสต์คำแถลงการณ์ กรณีการประกาศเรื่องต่อสู้และดำเนินคดีความกับผู้ต่อต้านและบุกรุก พร้อมตั้งรางวัลนำจับ 1 แสนบาท เพื่อตามล่ากลุ่มคนทำลายทรัพย์สิน ร้องปล่อยตัวลิงกอริลลา "บัวน้อย" โดยเขียนว่า “Free Buanoi” และอักษรภาษาอื่น ๆ เป็นทางยาวกว่า 20 เมตร
ข่าวที่น่าสนใจ
ซึ่งทำให้ตัวอาคารได้รับความเสียหาย และก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของบริษัทเป็นอย่างมาก ทั้งที่การประกอบกิจการของสวนสัตว์พาต้านั้น อยู่ในความดูแลของหน่วยงานผู้เกี่ยวข้องและผ่านขั้นตอนการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ โดยเหตุการณ์การต่อต้านเรื่องการครอบครองลิงกอริลลาของห้างฯ พาต้านั้น มีมานานกว่า 20 ปี และเพิ่งจะได้รับความเข้าใจจากประชาชนโดยส่วนใหญ่เมื่อประมาณ 4 เดือนที่ผ่านมา จากแถลงการณ์ครั้งแรกของบริษัทฯ ถึงเหตุผลต่าง ๆ และที่มาที่ไปของบัวน้อย ลิงกอริลลา เพศเมีย วัยชรา ที่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีตลอดมา ที่แม้ทางบริษัทจะประสบภาวะขาดทุนสะสมอย่างต่อเนื่อง แต่ทางผู้บริหารก็ยังไม่เคยทอดทิ้ง หรือ ตั้งราคาบัวน้อยในราคา 30 ล้าน ตามที่เป็นข่าว ล่าสุดทางฝ่ายบริหารของทั้งห้างและสวนสัตว์พาต้า ได้เคลื่อนไหวในเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยจะขอนำเรื่องการบุกรุกและทำลายทรัพย์สินของบริษัทในครั้งนี้ เป็นกรณีตัวอย่างของการละเมิดสิทธิ์ที่ผิดกฎหมาย ที่บุคคล กลุ่ม หรือองค์กรพิทักษ์สัตว์มากมาย ทั้งในและต่างประเทศได้กระทำกันมาช้านาน
ทั้งการโพสต์โซเชียลมีเดียถึงการวิจารณ์ไปในทางหมิ่นประมาทและทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงต่อสวนสัตว์พาต้า, การรวมตัวกันเรียกร้องให้ปิดสวนสัตว์และปล่อยตัวบัวน้อย ด้วยการใช้ภาพถ่ายเน้นลูกกรงให้ดูเศร้า รวมถึงการปรับเล่นกับโทนสีของภาพให้ดูหม่นหมอง เพื่อการเรียกร้อง และนำภาพบัวน้อยไปใช้กันอย่างแพร่หลาย จนนำไปสู่การขอรับบริจาคในโครงการของตนเองหลายต่อหลายครั้ง โดยไม่มีการแจ้งถึงยอดเงินดังกล่าวอย่างเป็นทางการว่าได้นำเงินนั้นไปใช้ในทิศทางใด และสวนสัตว์พาต้า ขอใช้โอกาสและพื้นที่ตรงนี้เพื่อแจ้งว่า “สวนสัตว์พาต้า ไม่เคยรับทราบถึงที่มาที่ไปของเงินบริจาคดังกล่าว ทั้งในและต่างประเทศ ที่มีการเรี่ยไรกระทำการกันอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย มาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี”
รวมไปถึงนักอนุรักษ์สัตว์บางรายที่เคยฉวยโอกาสจากเหตุการณ์ต่อต้านสวนสัตว์พาต้า โดยกระทำการอบรมให้ข้อมูลแก่เยาวชนถึงในสถานศึกษา เพื่อใช้เด็กและเยาวชนเป็นแรงสนับสนุน มุ่งไปที่การ “ปล่อยตัวบัวน้อย” ให้เด็ก ๆ ซึมซับว่าบัวน้อยได้รับความทุกข์ทรมาน โดยที่เด็กและเยาวชนเหล่านั้น อาจไม่รู้ และไม่เคยมาเที่ยวสวนสัตว์พาต้าเลยสักครั้งในชีวิต ซึ่งถือเป็นการมอมเมาเด็กและเยาวชนจากหลักฐานที่ผู้ต่อต้าน ชี้แนะให้เด็ก ๆ จำนวนมาก เห็นสิ่งที่สวนสัตว์พาต้า กระทำตลอดมา ว่าเป็นความผิด ทั้งที่การประกอบกิจการทั้งหมดนั้นอยู่ภายใต้กฎหมาย
ตลอดจนให้เด็ก ๆ เหล่านั้นเขียนข้อความ ลงลายมือชื่อ และนามสกุล เพื่อต่อต้านสวนสัตว์พาต้า ซึ่งเชื่อว่าเหตุการณ์เหล่านี้ มีผู้ปกครองมากมายไม่ทราบเรื่องราวว่า บุตรหลานของท่านได้ถูกบุคคลนักอนุรักษ์สัตว์ผู้นี้ ชี้นำให้กระทำการต่อต้านในสิ่งที่ยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้ด้วยวุฒิภาวะของตนเอง ทั้งยังให้เด็ก ๆ เหล่านั้น ลงลายมือชื่อ และนามสกุล รวมถึง มีข้อความเรียกร้องให้ปล่อยตัวบัวน้อยออกจาก “คุก !” ไว้เป็นเป็นหลักฐาน ด้วยการชี้นำของตน โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงผลเสียที่จะตามมาในตัวของเด็กและเยาวชนเหล่านั้น ว่าจะสามารถนำไปสู่หลักฐานเพื่อใช้ในการต่อสู้ทางคดีความ ที่จะต้องมีรายชื่อเด็ก ๆ เหล่านั้นอยู่ในสำนวนคดี
ยังไม่นับรวมถึงพฤติกรรมของนักอนุรักษ์สัตว์รายนี้ ที่ได้โพสต์ข้อความว่าได้นำเรื่องราวและหนังสือบัวน้อยที่ตนเองได้สร้างขึ้นเพื่อจำหน่ายไปยังหลายประเทศ และตั้งใจส่งไปรษณีย์ไปเพื่อให้ถึงมือเจ้าชาย George องค์น้อย แห่งราชวงศ์อังกฤษ โดยมีข้อความบางตอนที่โพสต์ว่า “หากท่านทรงเดินทางมาเมืองไทย และทรงแวะเยี่ยมบัวน้อย ท่านคงจะทรงตกพระทัยมิใช่น้อย ที่คนไทยไม่สามารถดูแลมรดกโลกได้ดีไปกว่านี้”
ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สวนสัตว์พาต้า รวมถึงประเทศชาติ ถูกตัดสินความผิดจากความรู้สึกของบุคคลผู้นี้ โดยไม่ยึดในข้อกฎหมายเป็นหลัก และยังเพิ่มความกดดัน โดยการนำเรื่องราวของบัวน้อย ออกไปไกลให้ถึงราชวงศ์ของต่างประเทศอย่างมีนัยยะ ด้วยข้อความที่ดูถูกและดูแคลนศักยภาพ และหน่วยงานผู้ดูแลกิจการ จนถึงผู้ประกอบการสวนสัตว์ของไทยอย่างเป็นหลักเป็นฐาน เนื่องจากประเด็นหนึ่งคือบัวน้อย ถือเป็นลิงกอริลลา เพียงหนึ่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการกระทำการต่อต้านต่าง ๆ ที่ผ่านมา ของ “ตัวแทนในประเทศไทย” รวมถึงกลุ่ม “ศิลปิน ดารา” บางราย ที่ได้ปลุกปั่นสร้างให้เกิดกระแสการต่อต้านสวนสัตว์พาต้ามาโดยตลอด และมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยที่ไม่มีใครทราบได้ว่า วัตถุประสงค์ที่แท้จริงขององค์กรจากต่างประเทศนั้น ๆ ต้องการสวัสดิภาพที่ดีของบัวน้อย หรือต้องการ “ครอบครอง บัวน้อย !” ด้วยกลยุทธ์การใช้วิธีการ ของ “คนไทย ต่อต้าน คนไทย” และรับบริจาคระหว่างทางจากผู้คนทั่วโลกจนกว่าเป้าหมายอันล้ำค่า จะไปอยู่ในความครอบครองของประเทศตน
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากมายกับสวนสัตว์พาต้าตลอดมา วันนี้ทางสวนสัตว์ ฯ จึงประกาศตัว เพื่อตอบโต้ความไม่เป็นธรรมทุกรูปแบบ โดยเริ่มจากการตามล่าหาตัวกลุ่มคนผู้กระทำผิด ทั้ง 5 คน ที่ทำการบุกรุกทำลายทรัพย์สินของห้าง ฯ พาต้า ปิ่นเกล้า เพื่อมาลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งทางฝ่ายกฎหมายของบริษัท ฯ ได้นำรูปพรรณของกลุ่มคนดังกล่าวที่เก็บหลักฐานได้จากกล้อง CCTV ไปแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายที่สถานีตำรวจนครบาลบางยี่ขันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อีกทั้งยังได้มีการจัดตั้งแผนกพิเศษเฉพาะกิจ เพื่อรวบรวมหาเบาะแสของเรื่องราวทั้งหมด โดยเริ่มจากการนำรายชื่อของผู้ที่เคยแสดงตัวต่อต้าน โจมตีสวนสัตว์พาต้า ไปยื่นส่งให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรายชื่อนั้นมีตั้งแต่ ผู้ที่โพสต์ด่าทอให้เกิดความเสียหาย ไปจนถึงกลุ่มหรือบุคคลนักอนุรักษ์ทั้งที่มีและไม่มีหน่วยงานรองรับ, ดารานักแสดงบางคน บางกลุ่ม ที่ออกมาต่อต้านปราศรัยโดยไม่เกรงกลัวการใช้คำพูดที่ละเมิดสิทธิและผิดกฎหมาย รวมไปถึงผู้ที่เรียกตนเองว่า เซเลบริตี้ หรือบุคคลระดับไฮโซ ที่เคยใช้วิธีการต่อต้านอย่างผิดหลักการมาโดยตลอด เพียงเพราะไม่ได้รับการตักเตือน ตอบโต้ บนรากฐานของกฎหมายแห่งความยุติธรรม ทั้งนี้ ทางผู้บริหารยังมีมติว่า จะไม่ลบข้อความที่ถูกกลุ่มคนดังกล่าวขีดเขียนให้เกิดความเสียหายออกจากหน้าตัวอาคารจนกว่าจะสามารถจับกุมกลุ่มผู้กระทำผิด หรือ จนกว่าจะถึงเวลาบูรณะซ่อมแซมอาคารของห้าง ฯ ที่เพิ่งจะมีกำหนดการของการปรับปรุงอาคารตามที่แจ้งไว้ในข่าวสารออนไลน์ เมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา
และสุดท้ายทางสวนสัตว์พาต้าขอแจ้งให้ทราบว่า แถลงการณ์นี้ ไม่ได้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการเตือน แต่จัดทำขึ้นเพื่อประกาศถึงนโยบายการต่อสู้และดำเนินคดีทางกฎหมาย ที่สวนสัตว์พาต้าได้ประกาศเริ่มต้นขึ้นกับทุกหลักฐานของทุกท่านผู้กระทำการจนก่อให้เกิดความเสียหาย ถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง และมีผลเสียต่อภาพลักษณ์และภาคธุรกิจของทางบริษัท ฯ มาช้านาน ด้วยผู้บริหารชุดปัจจุบันของห้างสรรพสินค้าและสวนสัตว์พาต้าที่ถูกแต่งตั้งเข้ามาเพื่อทำหน้าที่ขจัดเรื่องราวไม่ยุติธรรมเหล่านี้โดยเฉพาะ
และขอแจ้งให้ทุกท่านที่เข้าข่ายกระทำผิด ทราบไว้ว่า การดำเนินคดีความและความยุติธรรมจะเกิดขึ้นโดยเร็วมากพอกับการรื้อฟื้นสวนสัตว์พาต้า ที่เพิ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา เราพร้อมต่อสู้บนรากฐานแห่งความถูกต้อง และเชื่อมั่นเคารพในระบบความยุติธรรม รวมถึงหน่วยงานผู้ดูแลกฎหมายสวนสัตว์ในประเทศไทย “ทางสวนสัตว์ฯ ได้ตั้งเงินรางวัลนำจับ จำนวน 100,000 บาท สำหรับทั้งประชาชน หรือบุคคลใด ที่ให้เบาะแสจนนำพาไปสู่การจับกุม กลุ่มคนผู้บุกรุกและทำลายทรัพย์สินของทางบริษัทฯ ตลอดจนผู้บงการในเรื่องนี้ (หากมี) เพื่อให้กรณีที่เกิดขึ้นนี้ เกิดความยุติธรรมกับทางสวนสัตว์ ฯ โดยเร็ว” ซึ่งท่านผู้มีเบาะแส สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 095-062-1515 (ผู้จัดการทั่วไป) และ 094-957-2883 (ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง