วันนี้ (11 มีนาคม 2565) นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่ อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท เพื่อพบปะผู้แทนชุมชนในพื้นที่ เขต 1 จังหวัดชัยนาทเปิดใจหลังจากที่ตนตัดสินใจเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อย่างเป็นทางการ โดยตนมีความเชื่อมั่นในการบริหารประเทศของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน สานต่อโครงการที่ผลักดันให้ประสบผลสำเร็จ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหา โดยเฉพาะปัญหาหนี้สินและความยากจน ตนมีความห่วงใยประชาชนที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจฐานรากและภาคเกษตรกรรมซึ่งเป็นกลุ่มคนจำนวนมากของประเทศ ปัจจุบันตนได้เสนอโครงการ “โคล้านครอบครัว” โดยเชื่อมั่นว่าจะเป็นหนทางแก้ปัญหาความยากจน และสร้างรายได้ให้พี่น้องที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างยั่งยืน
"อนุชา" เดินหน้าพบปะพี่น้องประชาชนลงพื้นที่ต่อเนื่อง หลังย้ายร่วมงาน รทสช. ชูนโยบายเงินบาทแรกจากแผ่นดิน หนุนโครงการโค ช่วยเกษตรกรร่ำรวย
ข่าวที่น่าสนใจ
“ผมอยากเห็นประชาชนคนไทยหมดหนี้ มีรายได้ยั่งยืน และสัมผัสความร่ำรวยในอนาคต โครงการโคล้านครอบครัว และอีกหลายโครงการที่ผมผลักดัน โดยเริ่มจากภาคการเกษตร ซึ่งเป็นกลุ่มคนจำนวนมากของประเทศและเป็นฐานเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องสร้างความเข้มแข็ง ระบบเศรษฐกิจและคนกลุ่มอื่นของประเทศจึงจะมีความเข้มแข็งตามมา แนวคิดนี้สอดคล้องกับการทำงานของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงเป็นเหตุผลที่ผมตัดสินใจเข้าเป็นสมาชิก เพื่อสานต่อโครงการที่ผมมั่นใจว่าจะสามารถช่วยเหลือคนทั้งประเทศให้หลุดพ้นความยากจน และมีรายได้อย่างยั่งยืน” นายอนุชาฯ กล่าว
นายอนุชาฯ เป็นผู้ริเริ่มแนวคิด “เงินบาทแรกของแผ่นดิน” คือ เงินจากดิน เงินจากน้ำ ผลผลิตของผืนแผ่นดินที่จะสร้างรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเกี่ยวข้องกับภาคการเกษตรที่เป็นฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งคนกลุ่มนี้ภาครัฐต้องให้ความสำคัญและให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ จึงเป็นจุดกำเนิดของโครงการสำคัญที่คาดว่าจะสร้างรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชน คือ โครงการ “โคล้านครอบครัว” ที่ขับเคลื่อนโดยสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) หน่วยงานที่นายอนุชาฯ กำกับดูแล
นายอนุชาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ตนนั้นเป็นคนพูดน้อย แต่เมื่อลงมือทำแล้วมั่นใจได้ว่าทำจริง จากผลงานที่ผ่านมา เช่น การแก้ปัญหาสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ตนเป็นหนึ่งในคณะบริหารงาน ศบค. ซึ่งได้เสนอแนวทางลดการแพร่เชื้อในพื้นที่ส่วนกลาง โดยส่งผู้ติดเชื้อที่มีภูมิลำเนาต่างจังหวัดกลับไปรักษาตัวที่บ้าน สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ อสม.ในพื้นที่ ส่งผลต่อการเพิ่มเงินอุดหนุน อสม. เป็น 2,000 บาท นอกจากนี้ ตนยังเป็นหนึ่งในประธานคณะอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค 2565 ซึ่งได้รับการชื่นชมจากต่างชาติ สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยเป็นที่น่าสนใจในเวทีโลก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง