หลังจากที่ช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว จีนในฐานะตัวแทนสันติภาพ ได้เป็นผู้ประสานให้ซาอุดิอาระเบีย และอิหร่าน ปรับความเข้าใจและหันมาจับมือสร้างสัมพันธ์กันใหม่ หลังบาดหมางกันมาร่วม 7 ปี ได้สำเร็จ จีนก็ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางจากประเทศและภาคีต่างๆ ในตะวันออกกลาง และจากทั่วโลก ในฐานะเป็นผู้นำชัยชนะของสันติภาพ และการเจรจา
นายสเตฟาน ดูจาร์ริค โฆษกแห่งสหประชาชาติได้ยกย่องว่า เลขาธิการสหประชาชาติได้แสดงความขอบคุณต่อสาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจา ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ฉันมิตรที่ดีระหว่างอิหร่านและซาอุดีอาระเบียนั้น เป็นสิ่งจำเป็นต่อเสถียรภาพของภูมิภาคอาหรับ สหประชาชาติพร้อมที่จะเดินหน้าการเจรจาระดับภูมิภาค และรับประกันสันติภาพและความมั่นคงที่ยั่งยืนต่อไป
ด้านนักวิเคราะห์ก็แสดงความเห็นกันต่างๆ โดยระบุว่า จีนมีความเคารพในสถานะของประเทศ และต่อต้านการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง แนวทางดังกล่าวช่วยให้จีนได้รับความน่าเชื่อถือในภูมิภาค นอกจากนี้ ข้อเสนอของจีนยังเป็นความคิดเชิงปฏิบัติเพื่อความมั่นคงในทั่วโลก ที่ให้การเคารพและคำนึงถึงในผลประโยชน์ของทุกฝ่าย นอกจากนี้ จีนยังไม่มีประวัติการล่าอาณานิคมหรือการแทรกแซงในตะวันออกกลาง ประเทศในภูมิภาคเช่นอิหร่าน และซาอุดีอาระเบียตอนนี้ ก็ให้การยอมรับจีนในฐานะเป็นผู้เข้าแก้ปัญหาเรื่องสันติภาพ จีนทำให้โลกเชื่อมั่นว่า หากมีสันติภาพและมิตรภาพระหว่างประเทศต่างๆ ในโลก ก็จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนทั่วโลกเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ความสำเร็จของจีนครั้งนี้ แม้ตัวแทนรัฐบาลสหรัฐจะออกมากล่าวชื่นชมในทำนองเดียวกัน แต่สำหรับนายจอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของรัฐบาลสหรัฐนั้น เขาได้แสดงความเห็นผ่านสถานีวิทยุ WABC 770 ว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ กำลังนั่งอยู่นิ่งๆ ให้จีน รัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ และอีกหลายประเทศทำการเคลื่อนไหว เพื่อกระชับความสัมพันธ์ของพวกเขา และนำมาคุกคามสหรัฐ ในส่วนต่างๆมากมาย โดยจีนนั้น ดำเนินการไปตามยุทธศาสตร์อย่างชัดเจน ในขณะที่สหรัฐ ยังเอาแต่เที่ยวเตร่ไปเรื่อยๆ
โบลตันระบุลงในเชิงลึกต่อว่า ตนรู้สึกเสียใจที่ข้อตกลงดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า อิทธิพลของสหรัฐลดน้อยลงทั่วโลก ซึ่งถือนับเป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของสหรัฐ และเป็นข้อบ่งชี้ว่า ซาอุดีอาระเบียและประเทศอื่น ๆ กำลังพยายามป้องกันความเสี่ยงตัวเองจากจีนและรัสเซีย และประเทศต่างๆก็ไม่คิดว่า สหรัฐจะมีความมุ่งมั่นและอดทน ในการทำสิ่งที่ต้องทำ เพื่อปกป้องโลกออกจากอิหร่าน