วันที่ 13 มี.ค.66.-นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่ระบุถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมว่าพูดแต่เรื่องความมั่นคง หากไม่มีความมั่งคั่งจะมั่นคงได้อย่างไร ว่า นายเศรษฐาคงลืมไปว่าประเทศชาติจะมั่นคง ประชาชนอยู่ดีมีสุข ความมั่นคงต้องมีหลายมิติ ทั้งความมั่นคงทางสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ ความมั่นคงทางอาหาร ความมั่นคงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเมือง และความมั่นคงทางการทหาร นี่ต่างหากคือความมั่นคงที่ทำให้ประเทศพัฒนาได้อย่างยั่งยืน
“ธนกร” ฟาดกลับ “เศรษฐา” ความมั่นคงปท.มีหลายมิติ ไม่ใช่มองแค่มั่งคั่ง กำไร ขาดทุนแบบนักธุรกิจ
ข่าวที่น่าสนใจ
ซึ่งรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ได้คำนึงหลักการนี้เป็นสำคัญ การที่นายเศรษฐามองแต่เรื่องของมั่งคั่ง ผลลัพธ์ที่ประเทศชาติและประชาชนจะได้รับก็คือความล้มเหลว เหมือนอดีตที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำไว้จากการทำนโยบายขายฝันให้คนจนกลายเป็นคนรวย ใช้งบประมาณของประเทศโดยไม่คิดถึงความคุ้มค่า จ้องแต่จะหาเสียง จนท้ายที่สุดกลายเป็นมรดกหนี้ มีการทุจริตคอร์รัปชันมากมายใช่หรือไม่
นอกจากนี้ การประกาศเข้าสู่การเมืองเต็มตัวในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยของเศรษฐาเป็นเพียงการลางานชั่วคราวโดยไม่ขอรับค่าตอบแทน ไม่ใช่การลาออกเพื่อมาทำหน้าที่ทางการเมือง และน่าจะเป็นการเมืองช่วงเวลาสั้น ๆเพื่อมาสร้างภาพให้พรรคเพื่อไทย แค่นั้น ลางานมายังไม่ถึงสัปดาห์นายเศรษฐาจึงยังสลัดไม่หลุดจากความคิดของนักธุรกิจที่มองแต่เรื่องความมั่งคั่ง ร่ำรวย กำไร ขาดทุน จนลืมนึกถึงภาพรวมของความมั่นคงของประเทศชาติ
นายธนกร กล่าวว่า โครงการต่าง ๆ ที่รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ. ประยุทธ์ ทำไว้เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับประเทศชาติ อาทิ โครงการ Smart Farmer เพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล โครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ขยายถนน มอเตอร์เวย์ การส่งเสริมระบบบริการสาธารณสุข กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ด้วยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการคนละครึ่ง ช่วยดูแลกลุ่มเปราะบางทางสังคมด้วยบัตรสวัสดิการ ซึ่งผลงานของรัฐบาลทั้งหมดไม่ได้พิจารณาแต่ความมั่งคั่งที่เป็นตัวเงินหรือผลกำไร แต่เป็นความมั่งคั่งที่บ่งบอกถึงความสุขของประชาชนและการเติบโตของประเทศชาติ ซึ่งนโยบายเหล่านี้พลเอกประยุทธ์ พร้อมที่จะเข้ามาสานต่อหากพรรครวมไทยสร้างชาติได้เข้ามาบริหารประเทศในการเลือกตั้งครั้งนี้ ตามแนวคิด “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ดังนั้น นายเศรษฐาไม่ต้องห่วงเรื่องความมั่งคงของประเทศ เพราะนายกรัฐมนตรีคำนึงถึงแล้วอย่างรอบด้าน นายเศรษฐาควรห่วงตัวเองก่อนว่าการก้าวเข้ามาทำการเมืองในครั้งนี้จริงๆ แล้ว ทำเพื่อต้องการสร้างความมั่งคั่งให้ประชาชนหรือทำให้ใคร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง