วันที่ 9 ส.ค. 2564 เวลา 11.00 – 13.00 น. ที่ผ่านมา ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี พนักงานสอบสวนสถานี ตำรวจภูธรคลองห้า นำตัวผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดธัญบุรีมาส่งศาลพร้อมยื่นคำร้องขอฝากขังครั้งที่ 1 เป็นคดีหมายเลขดำที่ ฝ 382-390 / 2564 ผู้ต้องหา ได้แก่
1.นายพรหมศร วีระธรรมจารี
2.นาย Sam Samart หรือ Samat หรือ แซม สาแมท
3.นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์
4.นายณัฐชนน ไพโรจน์
5.นายสิริชัย นาถึง
6.นายชาติชาย แกดำ
7.นายภาณุพงศ์ จาดนอก
8.น.ส.ปนัดดา ศิริมาศกุล
9.นายธนพัฒน์ กาเพ็ง
ตามลำดับ โดยพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 9 คน มีข้อหาดังนี้
ข้อหาที่ 1 มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยผู้กระทำความผิดเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิดนั้น (ผู้ต้องหาลำดับที่ 2ไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ”)
ข้อหาที่ 2 ร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพโรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดที่มีจำนวนรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน
ข้อหาที่3 ร่วมกันจัดให้มีการชุมนุมหรือกิจกรรมที่มี ความเสี่ยงการแพร่โรคในพื้นที่ที่ประกาศกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและข้มงวดและพื้นที่ควบคุมสูงสุดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ข้อหาที่ 4 ร่วมกันกระทำการหรือดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจก่อสภาวะที่ ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ระบาดออกไป
ข้อหาที่ 5 ร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพโรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข็มงวดที่มีการ
รวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรมกันมากกว่า 5 คน อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดปทุมธานี ที่ 7022/2564เรื่อง กำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ลงวันที่ 18
กรกฎาคม 2564 ข้อ 8
ข้อหาที่ 6 ร่วมกันทำการโฆษณโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต (ยกเว้นผู้ต้องหาลำดับที่ 2 และ 5)
ข้อหาที่ 7 ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ (ยกเว้นผู้ต้องหาลำดับที่ 1, 3,6 และ 9)
พฤติการณ์ตามที่ถูกกล่าวหาสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้จับกุมนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ดาวดิน กับพวก มาควบคุมที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 หมู่ 6 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.คลองห้า ต่อมาวันเดียวกัน (2 ส.ค.64 ได้มีนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ นายณัฐชนน ไพโรจน์ น.ส.ปนัดดา ศิริมาศกุล นายภาณุพงศ์ จาดนอก นายธนพัฒน์ กาเพ็ง นายพรหมศร วีระธรรมจารี นายชาติชาย แก้วดำ นายสิริชัย นาถึง เป็นแกนนำหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการให้มีการมั่วสุมกันมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก ตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยนายพริษฐ์ หรือเพนกวินฯ กับพวก มีการสลับกันขึ้นพูดปราศรัยบนรถที่มีเครื่องขยายเสียงโดยไม่มีการขออนุญาต มีการพูดปลุกเร้า กดดันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยตัวนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา (ไผ่ดาวดิน) กับพวกที่ถูกจับกุมและควบคุมตัวอยู่ ภายใน บก.ตชด.ภ.1 ออกมา และมีการก่อความวุ่นวายโดยใช้รถยนต์ปิดกั้นถนนลักษณะเป็นการขัดขวางการจราจรทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนวุ่นวายในบ้านเมือง ทั้งยังได้ปราศรัยโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่และรัฐบาล
เวลา 15.00 นาฬิกา ทนายความของผู้ต้องหาลำดับที่ 1-9 ขอคัดค้านการขอฝากขังครั้งที่ 1 และขอให้ศาลไต่สวนพนักงานสอบสวน ศาลออกนั่งพิจารณาโดยมีบุคคลที่ผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ไว้วางใจเข้าร่วมฟังการพิจารณาหน้า ห้องพิจารณาคดีที่ 9 ก่อนการไต่สวนศาลได้อ่านและอธิบายคำร้องขอฝากขังของพนักงานสอบสวนและแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ผู้ต้องหาทราบ
เวลา 21.00 นาฬิกา ศาลอ่านคำสั่งคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาลำดับที่ 1, 3, 4 , 5, 6 , 7 ,8 และ 9 พิเคราะห์พยานหลักฐานชั้นไต่สวนคำร้องและคำแถลงคัดค้านแล้ว เห็นว่า เจ้าพนักงานตำรวจใช้อำนาจควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ คดีมีหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหาน่าจะได้กระทำความผิดอาญาที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี เมื่อผู้ต้องหาไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราว และมีเหตุจำเป็นที่จะสอบสวน พนักงานสอบสวนชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ออกหมายขังได้ เมื่อพนักงานสอบสวนยังดำเนินการสอบสวนไม่แล้วเสร็จ กรณีมีเหตุจำเป็นเพื่อทำการสอบสวนต่อไป จึงอนุญาตให้ฝากขัง
ผู้ต้องหาได้ตามขอ
เวลา 21.05 นาฬิกา ศาลอ่านคำสั่งคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาลำดับที่ 2 พิเคราะห์พยานหลักฐานชั้นไต่สวนคำร้องและคำแถลงคัดค้านแล้ว เห็นว่า เจ้าพนักงานตำรวจใช้อำนาจควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ คดีมีหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหาน่าจะได้กระทำความผิดอาญาและถูกดำเนินคดีในลักษณะเดียวกันกับความผิดที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้ มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะก่อเหตุอันตรายประการอื่น เมื่อผู้ต้องหาไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราว และมีเหตุจำเป็นที่จะสอบสวน พนักงานสอบสวนชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ออกหมายขังได้ เมื่อพนักงานสอบสวนยังดำเนินการสอบสวนไม่แล้วเสร็จ กรณีมีเหตุจำเป็นเพื่อทำการสอบสวนต่อไป จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาได้ตามขอ ศาลแจ้งสิทธิในการขอปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาลำดับที่ 1-9 ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวต่อศาล
เวลา 21.40 นาฬิกา ศาลอ่านคำสั่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของผู้ต้องหาลำดับที่ 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 ,7 และ 8 ว่า พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าตามข้อกล่าวหาผู้ต้องหาได้กระทำการโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้งไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวมในภาวะที่เกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ในวงกว้าง ทั้งที่ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอื่นอันเป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ต้องหาไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย
หากปล่อยชั่วคราวไปเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 108/1(3) ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว จึงไม่มีเหตุที่จะปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวน ให้ยก คำร้อง แจ้งคำสั่งให้ผู้ต้องหาและผู้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวทราบเป็นหนังสือโดยเร็ว
เวลา 21.50 นาฬิกา ศาลอ่านคำสั่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของผู้ต้องหาลำดับที่ 9 ว่า พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าตามข้อกล่าวหาผู้ต้องหาได้กระทำการโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง เห็นว่าตามข้อกล่าวหาผู้ต้องหาได้กระทำโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ทั้งไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวมในสภาวะที่เกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ในวงกว้าง หากปล่อยชั่วคราวไปเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 108/1(3) ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวจึงไม่มีเหตุที่จะปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวน ให้ยกคำร้อง แจ้งคำสั่งให้ผู้ต้องหาและผู้ยื่นคำร้องขอ ปล่อยชั่วคราวทราบโดยเร็วเป็นหนังสือโดยเร็ว