หลังจากที่ศาลอาญามีคำสั่งให้ปิดแพลตฟอร์ม “กองสลากพลัส” ชั่วคราว เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จึงทำให้ทุกคนตั้งความหวังว่า จากนี้ราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลจะมีราคา 80 บาท ตามราคาที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่ความเป็นจริงแล้ว ราคาสลากฯ ในปัจจุบันยังมีราคาเท่าเดิมเหมือนครั้งที่กองสลากพลัสยังเปิดทำการอยู่ แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินคดีกับนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ “นอท กองสลากพลัส” ในข้อหา “ขายสลากเกินราคา” ซึ่งถูกศาลสั่งปรับเป็นเงิน 2.6 ล้านบาท แล้วก็ตาม

ล่าสุดทางทีมข่าวท็อปนิวส์ได้สอบถามไปยังนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. ถึงกรณีที่ว่าจะดำเนินการปมราคาสลากฯ แพง ได้อย่างไร ซึ่งทางนายสมชาย กล่าวว่า ทางคณะกรรมาธิการได้เชิญ พลตำรวจโทประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงาน / ผู้แทนจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง / ผู้แทนจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท. หรือตำรวจไซเบอร์ / กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ บก.ปคบ. / กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ / สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม 9 หน่วยงาน เข้าหารือเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งเนื้อหาหลักของการประชุมคือเรื่องของราคาสลากฯ เกินราคา 80 บาท ซึ่งได้ปิดแพลตฟอร์มรายใหญ่ไปแล้วคือ กองสลากพลัส แต่ยังเหลืออีก 2 แพลตฟอร์มที่ยังไม่ถูกปิด คือ มังกรฟ้า และหงส์ทอง จึงทำให้ต้นทุนราคาขายส่ง และขายปลีกยังสูงอยู่ ด้วยเหตุผลที่ว่ายังมีการกว้านซื้อสลากฯ เพื่อนำไปขายในแพลตฟอร์มทั้ง 2 ซึ่งเป็นการขายแข่งกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่เป็นหน่วยงานเดียวของรัฐที่มีอำนาจในการขายสลากฯ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ข่าวที่น่าสนใจ

ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของตำรวจ รวมถึง ปปง. ที่จะต้องร่วมกันตรวจสอบเส้นทางการเงินที่สามารถเชื่อมโยงการกว้านซื้อสลากฯ หากพบหลักฐานก็เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.การสลากกินแบ่งรัฐบาล และ พ.ร.บ.การพนัน เพื่อหักล้างคำกล่าวอ้างของแพลตฟอร์มทั้งสองที่ให้ไว้ต่อศาลว่า เป็นเซิร์ฟเวอร์การสร้างตลาด เพื่อให้ผู้ค้ารายย่อย และลูกค้ามาเจอกัน แต่หลักฐานที่พบคือ ทั้ง 2 แพลตฟอร์ม เลี่ยงบาลีว่าขายสลากฯ 80 บาท และค่าบริการ 20 บาท ซึ่งขัดต่อข้อเท็จจริง เนื่องจากคณะกรรมาธิการได้ตรวจสอบแล้วพบว่ามีการกว้านซื้อสลากฯ ทั้งที่หน้าสนามบินน้ำ และแยกคอกวัว ในราคาตั้งแต่ 92-108 บาท ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่แพลตฟอร์ทั้งสองจะนำสลากฯ มาขายขาดทุน นอกจากนี้ ทางตำรวจ และ ปปง.จะต้องร่วมกันตรวจสอบว่า แพลตฟอร์มทั้งสองที่อ้างเป็นตลาดนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นการสวมรอยเป็นผู้ค้าแทนสำนักงานสลากฯ หรือไม่ รวมถึงรับเป็นเจ้ามือ รับกินรับจ่ายหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้ ทางตำรวจจะต้องทำงานให้มากกว่านี้ ซึ่งที่ผ่านมาทางตำรวจเคยเสนอให้ศาลปิดแพลตฟอร์มทั้งสองแล้ว แต่ไม่สามารถปิดได้ ทางคณะกรรมาธิการจึงได้เสนอให้ทางตำรวจหาหลักฐานใหม่ให้ศาลเห็น เพราะว่าการที่ปิด กองสลากพลัสไปแล้ว แต่ไม่ปิดอีก 2 แพลตฟอร์ม ซึ่งถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องปิดแพลตฟอร์มเถื่อนทั้งหมด

ส่วนในเรื่องทรัพย์สินของ “นอท กองสลากพลัส” ที่ DSI อายัดเงินได้เพียง 2 ล้านบาทเท่านั้น ทางคณะกรรมาธิการก็ได้สอบถามถึงวันที่ดีเดย์ของหน่วยปฏิบัติการว่าจะเข้าตรวจค้น ออกหมายเรียก หมายจับเมื่อใด เนื่องจากข้อมูลที่ได้จากแต่ละหน่วยไม่ตรงกัน แต่ทุกหน่วยยืนยันว่า ในวันที่ 27 มกราคม ที่ผ่านมา ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เชิญทุกหน่วยงานมาประชุมกัน และมีกำหนดเข้าปฏิบัติการในวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม แต่เนื่องจากบางหน่วยงานหยุดงานในวันเสาร์-อาทิตย์ จึงเห็นควรให้เข้าปฏิบัติการในวันจันทร์ที่ 30 มกราคม ไม่ใช่วันที่ 31 จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่าการที่ DSI เข้าปฏิบัติการล่าช้า ทำให้ทรัพย์สินต่าง ๆ ถูกโยกย้ายออกไป รวมถึงเงินจำนวน 316 ล้านบาท ถูกถอนออกจากบัญชีใช่หรือไม่

นอกจากนี้ เงินจำนวน 200 ล้านบาท ที่นอท กองสลากพลัส โอนให้นายแทนไท ณรงค์กูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด โดยอ้างว่าเป็นการใช้หนี้การกู้ยืมเงินนั้น ทางคณะกรรมาธิการได้ข้อมูลว่า เงินจำนวนดังกล่าวไม่ใช่เงินจากการกู้ยืม แต่เป็นเงินที่ทั้งคู่ร่วมลงทุนทำธุรกิจกัน โดยนอท จะให้ผลตอบแทนจากการขายสลากฯ เป็นเงินใบละ 80 สตางค์ ดังนั้นจึงไม่ใช่เงินกู้ เมื่อไม่ใช่เงินกู้ เงินจำนวนนี้จึงเป็นเงินที่ผิดกฎหมาย ก็จะต้องถูกอายัดกลับเข้ามาในบัญชีตามเส้นทางการเงินที่ DSI ตั้งเป็นคดีไว้ 39 เส้นทางการเงิน แต่จนถึงปัจจุบันนี้ เงินจำนวนดังกล่าวทาง DSI ยังไม่มีการอายัดกลับเข้ามาแต่อย่างใด รวมถึงให้ตรวจสอบการทำนิติกรรมอำพรางในเรื่องการไปจ่ายภาษีค่าดอกเบี้ยให้กับผู้ปล่อยกู้ด้วย ดังนั้น ทางตำรวจจึงต้องกวดขันเร่งรัดประสานงานกับ ปปง. ในการตามเส้นทางการเงินนั้นกลับมาคืนให้ DSI ยึดอายัด มิใช่ปล่อยให้อ้างว่าเป็นเงินกู้ ทั้งนี้ทางคณะกรรมาธิการจะเชิญสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เข้ามาชี้แจงถึงกรณีที่สลากฯ จำนวนมหาศาลออกจากสำนักงานสลากฯ เพียงไม่กี่นาทีไปถึงมือมาเฟียกองสลาก เพื่อนำไปขายในแพลตฟอร์มเถื่อนได้อย่างไร อีกทั้งจะต้องปรับเปลี่ยนนโยบายการขายสลากฯ และส่งเงินที่ขายได้ให้คลังได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งทางคณะกรรมาธิการ เสนอมาตรการให้รัฐบาลพิจารณานโยบายแบบใหม่ โดยให้ใช้แนวทางการเรียกเก็บแบบภาษีต่าง ๆ ที่มีการวางเป้าได้ แต่ไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากการเก็บแบบเดิมทำให้เอกชนเข้ามาจองโควตา เกิดการฮั้ว รวบขายหวยชุด จนเกิดการขายสลากฯ ราคาแพงขึ้น ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาสลากฯ ราคาแพง สำนักงานสลากฯ จะต้องเพิ่มสัดส่วนการขายสลากฯ ออนไลน์ให้มากขึ้น หรือลดโควตาผู้ค้าทั้งหมด เพื่อเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“ส.ว.สมชาย” เร่ง DSI หาต้นตอเงิน 316 ล้าน ถูกโยกย้ายจากบัญชี “นอท” จี้ปิดอีก 2 แพลตฟอร์ม ขายสลากฯเกินราคา