นายวาง เหวินปิน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ออกแถลงการณ์ประจำวันระบุว่า ความร่วมมือเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของออคัส คือการถ่ายโอนยูเรเนียมเสริมสมรรถนะสูง ที่เป็นระดับเกรดอาวุธ ในปริมาณที่มาก ถือว่าเป็นความเสี่ยงในการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์อย่างรุนแรง และละเมิดในวัตถุประสงค์ของสนธิสัญญาการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ การกระทำของทั้ง 3 ประเทศนั้น เป็นไปก็เพื่อผลประโยชน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของตัวเอง โดยไม่สนใจความกังวลของต่างประเทศอย่างสิ้นเชิง จีนจึงขอเรียกร้องให้ทั้ง 3 ประเทศ รับฟังข้อเรียกร้องของประชาคมระหว่างประเทศ และเหล่าประเทศที่อยู่ในภูมิภาคนี้อย่างจริงจัง, ละทิ้งความคิดแบบสงครามเย็นที่ล้าสมัย, และหลีกเลี่ยงการกระทำที่จะเป็นอันตรายต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค และในระดับโลกด้วย
ด้านนายเซอร์เก้ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย ก็แสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า ชาติตะวันตกกำลังสร้างความตึงเครียดขึ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยการมีโครงสร้างเช่นออคัสขึ้นมา รวมถึงความก้าวหน้าของโครงสร้างพื้นฐานทางทหารของนาโตในเอเชียด้วย ตนนึกไม่ออกเลยว่า อารยธรรมเอเชียที่ยิ่งใหญ่ กำลังดำเนินรอยตามแนวทางที่สหภาพยุโรปทำ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย และยังปฏิบัติตามวาระของสหรัฐอย่างเชื่อฟังด้วย
อย่างไรก็ดี ทางออสเตรเลียก็ได้พยายามออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้ โดยนางเพนนี หว่อง รัฐมนตรีต่างประเทศของออสเตรเลีย ได้ให้สัมภาษณ์กับ CNA สื่อของสิงคโปร์ว่า ออสเตรเลียไม่ได้จะดำเนินการเรื่องนี้ เพื่อเอาไปทำสิ่งอื่น นอกจากจะเป็นการแสวงหาดุลยภาพเชิงกลยุทธ์ที่ดีขึ้น และต้องการภูมิภาคที่สงบสุข มั่นคงเท่านั้น โดยแรงจูงใจเบื้องหลังการซื้อเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์นี้ เป็นเพราะออสเตรเลียก็จัดเป็นมหาอำนาจส่วนกลาง เช่นเดียวกับประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หว่องพยายามอธิบายว่า สิ่งที่ออสเตรเลียกำลังพยายามทำคือ การแทนที่เรือดำน้ำที่มีอยู่และเก่าแล้ว ด้วยเรือดำน้ำที่มีศักยภาพใหม่ เช่นการขับเคลื่อนด้วยนิวเคลียร์ ซึ่งแตกต่างจากเรื่องอาวุธนิวเคลียร์อย่างมาก ออสเตรเลียต้องการภูมิภาคที่ไม่มีประเทศใดถูกครอบงำได้ และออสเตรเลียก็ไม่หาทางยกระดับใดๆด้วย ทั้งนี้ ออสเตรเลียจะพยายามสร้างสมดุลระหว่างกลยุทธ์ทางทหารระยะยาว กับความจำเป็นทางเศรษฐกิจ โดยในส่วนความสัมพันธ์กับจีนนั้น ออสเตรเลียกำลังพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศ ความสัมพันธ์ทวิภาคีจะยังมีอยู่ต่อไป