17 มี.ค.66.-เวลา 14.00 น. ที่ร้านกินเส้น สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม แถลงลาออกจากการเป็นรัฐมนตรีโดยไม่ขอทำหน้าที่รักษาการ และลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ พร้อมทั้งเตรียมยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยในวันจันทร์ที่ 20 มีนาคมนี้ทันที
พร้อมทั้งไเ้เปิดใจถึงสาเหตุการย้ายขั้วทางการเมืองในครั้งนี้ ว่า ตนตัดสินใจ ใน 3 ประเด็นคือ ฟ้า ดิน และอากาศ เรื่องของฟ้ากับดินได้อธิบายไปแล้ว เหลือเรื่องอากาศ ซึ่งอากาศ คือแนวนโยบายและทีมงาน ถ้าเรามีทีมงานที่ดี แต่การทำนโยบายต่างๆ ไม่ชัดเจน มีความขัดแย้ง แนวนโยบายเหล่านั้นจะไม่สามารถส่งผลสำเร็จให้เกิดกับประเทศและประชาชน อย่างการตั้งรัฐบาลที่ผ่านมา สิ่งที่เกิดขึ้นยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ มีโควิด-19 เข้ามาทำให้มีการดำเนินการใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมาก รัฐบาลแก้ไขในเรื่องเศรษฐกิจได้ไม่ดีเท่าไหร่ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พปชร.ได้ ส.ส.มา 118 ที่นั่ง แต่จำนวนนี้ไม่สามารถทำเรื่องเศรษฐกิจให้ประชาชนเกิดความพึงพอใจได้ เหตุมาจากว่าเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค มีการต่อรอง โควตาต่างๆ พปชร.ไม่ได้ดูกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ถูกใจประชาชน เพราะต้องแบ่งกระทรวงเศรษฐกิจให้พรรคการเมืองอื่นช่วยกันดูแล เราคิดว่าการที่จะทำให้สิ่งต่างๆ สัมฤทธิ์ผลต้องมองพรรคการเมืองที่แลนด์สไลด์ สิ่งที่ต้องดำเนินการคือ ต้องช่วยประคับประคองให้ความเป็นอยู่ของประชาชนและเศรษฐกิจภาพรวมดี อย่างทุกวันนี้ไทยมีจีดีพีแทบจะต่ำสุดในอาเซียน เราจึงต้องดูในเรื่องแลนด์สไลด์ พรรคการเมืองที่จะเดินหน้าได้ในเรื่องแลนด์สไลด์คงต้องเป็นพรรคเพื่อไทย เราจึงตัดสินใจว่าถ้าเราไปรวมกันตรงนี้ ถ้าเดินงานการเมืองให้แลนด์สไลด์ได้ จะทำให้แนวนโยบายของรัฐบาลใหม่ประสบความสำเร็จ เป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนในการแก้ไขปัญหาต่างๆ จึงได้ตัดสินใจที่จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพื่อร่วมแนวทางในการขับเคลื่อนในแนวนโยบายต่อไปในวันข้างหน้า
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันเดียวกันนี้ ได้ทำหนังสือลาออกจากตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม โดยไม่ขอรักษาการในตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม ได้ทำหนังสือกราบเรียนนายกฯแล้วในวันนี้ เข้าใจว่าคงได้รับหนังสือแล้ว อีกทั้งยังได้ทำหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรค พปชร. ต่อ เพื่อต้องการให้เกิดความชัดเจน นอกจากนี้ ได้กรอกใบสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย อย่างช้าจะถึงพรรคเพื่อไทยในวันที่ 20 มี.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ตนได้ไปกราบลา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร. ได้มีการพูดคุยกัน ท่านไม่มีปัญหา และให้ศีลให้พรตามอัตภาพ ส่วนเรื่องความแตกแยก ความไม่พึงพอใจอะไรต่างๆนั้น ยืนยันว่าไม่มี
ทั้งนี้ การจะเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรคเป็นปัญหา และการมีทีมงานที่ไม่สามัคคี คนหนึ่งไปซ้าย คนหนึ่งไปขวา มันจะเป็นอุปสรรค ทำให้ไม่สามารถผลักดันนโยบายได้ แต่ตนดูแล้วว่าพรรคเพื่อไทยมีทีมงานเข้มแข็ง ชัดเจน ส่วนใหญ่เป็นสมัครพรรคพวกกัน ไม่ได้มีความรู้สึกผิดที่ผิดทาง เป็นบุคลากรที่เข้าใจและพูดคุยกันได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ออกจาก พปชร. เพราะเห็นว่าการทำงานใน พปชร. มีปัญหาใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีปัญหาในส่วนของหัวหน้าพรรค แต่บางท่านในพรรคอาจจะมีบ้างที่เกิดความรู้สึกบ้างเล็กน้อย เพราะการอยู่ร่วมกันถ้าสามัคคีจะขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลได้ อย่างตนเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค เวลาจะขอร่วมมืออะไร ซึ่งหากยังมีอะไรไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจะทำงานยาก แต่การเดินไปพรรคเพื่อไทยอุปสรรคที่จะมีนั้นน้อย
ส่วน การย้ายไปพรรคเพื่อไทย ทำให้มั่นใจได้หรือไม่ว่าจะแลนด์สไลด์และตั้งรัฐบาลได้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนดูจากโพลเมื่อสองเดือนที่แล้ว พรรคเพื่อไทยได้ 220 ที่นั่ง แต่วันนี้ยังไม่มีตรงไหนเอามาให้ดู แต่ถ้าเราไปช่วย จะทำให้ตัวเลขของ ส.ส. ได้สูงขึ้น มันจะเป็นประโยชน์ในการขับเคลื่อนนโยบายได้มาก เชื่อว่าประชาชนเข้าใจและทำให้การเมืองในระบอบประชาธิปไตยมันง่ายขึ้นต่อการพัฒนา ไม่อย่างนั้นจะเสียเวลาต่อบ้านเมือง
ขณะเดียวกันนายสมศักดิ์ เชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลแน่นอน โดยคิดว่าถ้าเข้าไปร่วมด้วยช่วยกัน มั่นใจว่าจะได้มากขึ้น อาจเข้าสู่เป้าหมายที่ผู้บริหารพรรคพรรคเพื่อไทยวางไว้ เราเป็นแรงหนึ่งที่จะเข้าไปช่วยสนับสนุน ไม่ใช่ตนเก่งกล้าสามารถอะไร จะเข้าไปช่วยให้ดีที่สุด การเป็นรัฐบาลเป็นความใฝ่ฝันของทุกพรรค แต่จะเป็นได้หรือไม่ได้บางพรรคก็มีเงื่อนไขมาก บางพรรคก็ไม่มีใครเข้าไปร่วมเลยต้องตั้งเงื่อนไขให้ยากขึ้นไปอีก แต่มั่นใจถ้าประชาชนช่วยกันเลือกให้มากๆ ให้แลนด์สไลด์ พรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาล
ส่วน เป้าหมายจะถึง 310 ที่นั่งหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่กล้าที่จะไปคิด เพราะไม่ได้ถือโพล และยังไม่ได้ลงพื้นที่ในนามพรรคเพื่อไทย ดังนั้น ถ้าจะถามตัวเลข วันนี้ยังคงตอบไม่ได้ แต่ตนจะช่วยให้ผู้บริหารของพรรคเพื่อไทยได้ทำงานสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ทั้งนี้ ถ้าหลังการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยกับ พปชร. จับมือกัน จะไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อันนี้เป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหารพรรคและผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคที่จะคุยกัน ตนไม่สามารถตอบได้ ต้องให้เกียรติผู้บริหารพรรค และดูเหมือนขณะนี้ยังไม่ได้คุยกัน เมื่อวันที่ 16 มี.ค. พล.อ.ประวิตรก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ให้ฟัง ซึ่งตนพยายามถามแต่ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แสดงว่ายังไม่มีการคุยกัน
สื่อถามถึงกรณี ผอ.นิด้าโพลระบุว่า การที่กลุ่มสามมิตรย้ายไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยทำให้ได้ 310 เสียง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อาจจะให้เกียรติสามมิตร แต่ตนเรียนว่าพรรคเพื่อไทยมีพื้นที่ใหม่ๆ ที่สามารถช่วยกันสร้าง ส.ส.ในพื้นที่ได้ ไม่เหมือนกับพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ได้ยึดแนวทางเรื่องของนโยบายเป็นหลักมากนัก เช่น มีผู้ใหญ่ บ้านใหญ่เข้าไปเยอะแยะ ใช้ปัจจัยอื่นๆ ในการหาเสียง แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยใช้นโยบาย ไม่ได้ใช้ปัจจัยอื่น เชื่อว่าแลนด์สไลด์จะทำได้สำเร็จ และมั่นใจว่าตัวเลขอาจจะมากกว่านั้นก็ได้
ทั้งนี้ กลุ่มสามมิตรถูกมองว่าไปจับมือกับพรรคไหน พรรคนั้นมีแนวโน้มที่จะได้เป็นรัฐบาล เลยมองว่าเสียงอาจจะเทไปที่กลุ่มสามมิตร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราจะไปหาพื้นที่ใหม่ มีคนตามมาเท่าไหร่นั้น ตนไม่รู้ ไม่ได้นับ เพราะ ส.ส.ทั้งหลายมีเอกสิทธิส่วนตัว ไม่สามารถเกี่ยวนำไปไหนมาไหนได้ อยากไปก็ไป ถ้าไม่ไปก็ไม่ต้องไป แต่ในเขตจังหวัดนั้นมีพื้นที่ใหม่ๆ ที่สามารถสร้างพื้นที่นั้นให้เป็นประโยชน์ได้ อย่างเช่น ครั้งที่แล้วตนดูแลภาคเหนือตอนล่าง มีพื้นที่ให้ตนจังหวัดเดียวคือ จ.สุโขทัย เพราะพื้นที่อื่นเขายึดหมด นอกจากนี้ ให้ตนไปดูในพื้นที่ที่ไม่มีใครช่วย จนไปสร้าง ส.สในพื้นที่ใหม่ๆ ได้หลายคน ถ้าไม่ได้พื้นที่ใหม่ช่วยตนคงแย่ไปแล้ว และสถิติการเลือกตั้งแต่ละครั้งจะมี ส.ส.ใหม่เข้ามา 50%
นายสมศักดิ์ ตอบคำถามด้วยว่า การตัดสินใจลาออก ตนเองไม่ได้พูดคุยกับนายกฯ แต่นายกฯพูคคุยกับสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ซึ่งนายสุริยะถ่ายทอดให้ฟังว่า นายกฯไม่ได้ติดใจอะไร และขอให้โชคดี และฝากนายสุริยะให้มาบอกกับตนด้วย ทั้งนี้ ตนต้องขอบคุณนายกฯ ที่ให้พวกตน มีโอกาสได้ทำงาน ได้แสดงฝีมือ เพราะตนเมื่อย้ายไปอยู่ตรงไหน ก็ทำงานเต็มที่ อย่างตอน พปชร. อยู่กระทรวงยุติธรรม ประธานวุฒิสภายังบอกว่าเดิมเป็นกระทรวงเกรดซี แต่วันนี้เป็นเกรดเอแล้ว มีคนมาเล่าให้ตนฟัง นอกจากนี้พล.อ.ประวิตรที่ให้การสนับสนุนในเรื่องงานต่างๆ อย่างดียิ่ง ตนทำงานเต็มที่ ไปพรรคเพื่อไทยก็เต็มที่ ไม่มีย่อหย่อน