ปลัดสธ.สั่งเฝ้าระวัง 3 กลุ่มอาการ ผู้มีโอกาสสัมผัส “ซีเซียม-137” หลังพบถูกหลอมแล้ว

ปลัดสธ.สั่งเฝ้าระวัง 3 กลุ่มอาการ ผู้มีโอกาสสัมผัส "ซีเซียม-137" หลังพบถูกหลอมแล้ว

จากกรณีที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงความคืบหน้ากรณีพบวัตถุกัมมันตรังสี “ซีเซียม-137” ที่หายไปโรงไฟฟ้าในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี โดยพบอยู่ที่โรงงานหลอมโลหะแห่งหนึ่งใน อ.กบินทร์บุรี

 

ต่อมาทางด้านนายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เล่าย้อนว่าได้หาภายในโรงงาน 3-4 รอบ และขยายวงออกไปนอกโรงงานรัศมี 2 กม. ใช้การเดินเท้าจากเจ้าหน้าที่โรงงานและท้องถิ่น ต่อมาได้ค้นหาตามพื้นที่เป้าหมาย ร้านขายของเก่าและร้านคู่ค้าของโรงงาน ทั้งพนมสารคามและจังหวัดใกล้เคียง โดยส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ

ทั้งนี้ ได้แจ้งไปยังประชาชนช่วยกันสอดส่อง และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว นครราชสีมา นครนายก โดยได้มีการค้นหาตลอดทั้ง 7 วัน และรายงานสถานการณ์ทุกวัน ซึ่งเมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ได้ไปดูโรงงานหลอมเหล็กขนาดใหญ่

ข่าวที่น่าสนใจ

ปรากฏว่าเมื่อวานนี้ (19 มี.ค.2566) ช่วงเช้า ตรวจพบสารซีเซียมในกระเป๋าบิ๊กแบ็กขนาดใหญ่ โรงงานในเขต อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจดูพบว่าเครื่องมือขึ้นประมาณ 10 จึงวิเคราะห์ว่าน่าจะใช่ จากนั้นช่วงเย็นมาตรวจวัดอีกที ขึ้นค่าเป็น 10 เช่นเดียวกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าสารซีเซียม 137 ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในธรรมชาติ แต่เกิดจากมนุษย์ จึงได้ย้อนกลับไปดูว่ากระเป๋าบิ๊กแบ็กเป็นส่วนที่เหลือจากการผลิตเหล็ก เทเข้าไปในเตาหลอม ความร้อน 1,200 องศาฯ เมื่อผลิตจะมีฝุ่นละอองแดง อยู่ภายในระบบปิด เมื่อเป็นฝุ่นออกมาจะมีฟิลเตอร์ด้านบนกันไว้ และติดอยู่บริเวณนั้น เมื่อเย็นแล้วจะตกเป็นผลึกเล็ก ๆ โดยถูกเก็บไว้ที่นี่

 

 

เมื่อยืนยันชัดเจนแล้ว จึงปิดพื้นที่ทันทีและให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณรอบข้าง บริเวณแนวกระเป๋าบิ๊กแบ็ก พบว่าขึ้น แต่เมื่อออกมา 10 กว่าเมตร ไม่พบค่าของสารขึ้น

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ได้แถลงว่า ด้วยความเป็นห่วงประชาชน และพนักงานในโรงงาน 70 กว่าคน จึงได้ให้พนักงานหยุดงานไปก่อน และให้เจ้าหน้าที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ แพทย์ พยาบาล เช็กประวัติและดูอาการ โดยเตรียมตรวจเลือดในวันนี้ เบื้องต้นโรงงานอยู่ไกลจากชุมชนพอสมควร

 

 

ขณะที่นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ เลขาธิการ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กล่าวว่า โรงงานหลอมโลหะหรือหล่อเหล็ก มีการใช้อุณหภูมิถึง 1,000 องศาเซลเซียล เพื่อให้เหล็กหลอมละลายเป็นของเหลว และทำเป็นระบบปิดทั้งหมด ฉะนั้นสารซีเซียม เมื่อเจออุณหภูมิเพียง 600 องศาเซลเซียล จึงระเหยไปกับเขม่า เมื่อเหล็กหลอมถูกรีดออกมาเป็นแท่งเป็นเส้นแล้ว จึงไม่พบในเนื้อเหล็กที่รีดออกมา แต่ในเตายังมีฝุ่นแดงจากการหลอมเหล็ก

ทั้งเชื่อว่าซีเซียมหายออกมาจากบริษัทโดยมนุษย์ไม่ใช่เกิดจากการหล่นหาย เนื่องจากบริษัทมีการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี

ส่วนฝุ่นแดงปนเปื้อนซีเซียม 24 ตัน ประมาณ 24 กระสอบ โดยมี 1 ถุง ถูกนำไปถมที่ดินหลังโรงหลอม ก็ให้เจ้าหน้าที่ไปขุดดินทั้งหมดแล้วนำดินที่ป่นเปื้อนมาใส่กระสอบเช่นเดิมแล้ว และปิดล้อมที่ดินดังกล่าวไว้ จากนี้ไปเป็นกระบวนการสอบสวนการสูญหาย จะพยายามสืบสวนว่า คนที่นำไปเอาอุปกรณ์ไปไว้ที่ไหน เอามาเข้าสู่โรงหลอมได้อย่างไร

ล่าสุดทางด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ปลัด สธ.) กล่าวถึงการติดตามผลกระทบต่อสุขภาพหลังมีท่อบรรจุสารซีเซียม-137 หายออกจากโรงงาน และพบว่ามีการหลอมไปตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม แล้ว ว่า ขณะนี้ยังต้องรอความชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ามีการระบุพื้นที่ใดบ้าง แต่เบื้องต้น ต้องมีการตรวจสุขภาพทั่วไปของพนักงานโรงงานหลอมเหล็กดังกล่าว และตรวจหาสารตกค้างในปัสสาวะ

 

ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นสารอันตรายพิเศษทางกระทรวงสาธารณสุขไม่สามารถตรวจได้ ทางสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ซึ่งมีห้องปฏิบัติการพิเศษเป็นผู้ตรวจสอบ นอกจากนี้ยังมีการตรวจพื้นที่รอบ ๆ โรงงาน ประชาชนในอำเภอ และใน จ.ปราจีนบุรี โดยในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข จะต้องมีการเฝ้าระวังทางสุขภาพใน 3 กลุ่ม คือ

1. กลุ่มผิวหนัง เนื้อเยื่อ อาการจะมีตั้งแต่ตุ่มน้ำใส เนื้อตาย เป็นต้น

2. กลุ่มผู้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ

3. กลุ่มอื่น ๆ

อย่างไรก็ตามจากการติดตามผลกระทบทางด้านสุขภาพนับตั้งแต่ที่มีรายงานการสูญหายยังไม่พบผู้ได้รับผลกระทบเข้ารับการรักษาแต่ก็ต้องเฝ้าระวังต่อไป เพราะอาจจะมีคนที่ได้รับผลกระทบน้อยๆ ยังไม่มีอาการอะไรก็ได้ หากประชาชนมีความรู้สึกว่ามีอาการผิดปกติ สามารถประสานไปที่สถานพยาบาลในพื้นที่ได้ ทั้งนี้ สารซีเซียม – 137 เป็นสารที่มีครึ่งชีวิตอยู่ที่ 30 ปี ไม่ว่าจะเป็นในร่างกายของคนหรือสิ่งแวดล้อม จึงมีความสำคัญที่เราต้องมีการตรวจติดตามต่อเนื่อง

“ผลกระทบต่อสุขภาพจากสารซีเซียม – 137 นั้นขึ้นอยู่กับปริมาณที่ได้รับ และระยะเวลาที่ได้รับ ดังนั้นเป็นผลกระทบกับทุกคนที่ได้รับสาร ไม่เฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว เด็ก ผู้สูงอายุ คนทั่วไปได้รับผลกระทบไม่แตกต่างกันอย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่พบความผิดสังเกต ส่วนจะต้องติดตามเรื่องสุขภาพประชาชนในพื้นที่อื่นๆ ต้องรอข้อมูลที่ชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่มีการตรวจสอบพบก่อน ทางสธ. เป็นปลายทาง เราจะเน้นเฝ้าระวังใน 3 กลุ่ม” นพ.โอภาส กล่าว

 

 

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สุดทน "พ่อพิการ" ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังถูกลูกทรพี ใช้จอบจามหัว-ทำร้ายร่างกาย จนนอน รพ.นับเดือน
สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น
ห่ามาแล้ว! “แม่สอด” พบติดเชื้ออหิวาต์ เผยญาติฝั่งพม่าซื้อข้าวมากินด้วยกัน
ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ สั่งตั้งคกก.สอบ "ตร.จราจร" รีดเงินแทนเขียนใบสั่ง
สตม. บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางคอนโดหรูห้วยขวาง รวบ 6 คนจีน อึ้งเจอซิมการ์ด 2 แสนซิม
ครูบาอริยชาติ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ฉลองสมโภช 18 ปีวัดแสงแก้วโพธิญาณ และทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 44 ปี
กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา "ชวาล" ส.ส.พรรคประชาชน ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ โทษคุก-ตัดสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
จีนเตือนสหรัฐกำลังเล่นกับไฟหลังส่งอาวุธให้ไต้หวัน
อิลอน มัสก์วิจารณ์แรงผู้นำเยอรมันเหตุโจมตีตลาดคริสต์มาส

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น