ญาติ “สารวัตรกานต์” ส่งทนายยื่นหนังสือสน.สายไหม ขอความเป็นธรรม ปมเสียชีวิต คาใจชุดปฏิบัติการไม่รอเกลี้ยกล่อม

ญาติ "สารวัตรกานต์" ส่งทนายยื่นหนังสือสน.สายไหม ขอความเป็นธรรม ปมเสียชีวิต คาใจชุดปฏิบัติการไม่รอเกลี้ยกล่อม

นายอนุชิต ธาตุเสียว ทนายความของครอบครัวสารวัตรกานต์ หรือพันตำรวจโท กิตติกานต์ แสงบุญ อายุ 51 ปี สังกัดศูนย์พัฒนาด้านการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ได้เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตและการเข้าระงับเหตุของเจ้าหน้าที่ โดยได้ยื่นหนังสือต่อ พันตำรวจเอกรังสรรค์ สอนสิงห์ ผู้กำกับการ สถานีตำรวจนครบาลสายไหม เมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ (20 มี.ค.66)

โดยนายอนุชิต เปิดเผยว่า วันนี้ตนเองได้รับมอบอำนาจจากพ่อ และแม่ของสารวัตรกานต์ ให้มายื่นหนังสือเพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นต่างๆ ที่ทางครอบครัวยังติดใจสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิต จากสิ่งที่ครอบครัวได้เห็น โดยเฉพาะร่องรอยในที่เกิดเหตุ ทำให้ครอบครัวสงสัยว่าการปฏิบัติการเข้าควบคุมตัวสารวัตรกานต์ น่าจะเป็นการทำเกินกว่าเหตุ จนทำให้สารวัตรถึงแก่ความตาย

ข่าวที่น่าสนใจ

ซึ่งจากการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่า มีร่องรอยของการถูกยิงในบริเวณหลังบ้าน ซึ่งเป็นจุดที่สารวัตรได้ตกลงมาจากชั้น 2 แล้ว โดยบริเวณกำแพง และประตูด้านหลังบ้านที่ชั้น 1 มีร่องรอยกระสุนทะลุออกไป อีกทั้งมีร่องรอยกระสุนบริเวณหลังบ้านด้วย จึงสงสัยว่าเจ้าหน้าที่มีการยิงซ้ำออกไปก่อนจะเข้าไปควบคุมตัวหรือไม่ ครอบครัวจึงอยากให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ให้ละเอียด นอกจากนี้ ในบ้านที่เกิดเหตุ ก็มีร่องรอยของวิธีกระสุนจำนวนมาก จึงสงสัยว่าลักษณะเป็นเหมือนการถูกไล่ล่ามากกว่าเป็นการยิงแค่เพื่อให้เข้าควบคุมตัวได้

สำหรับกรณีที่ก่อนหน้านี้ตำรวจเคยออกมาบอกว่า ทางครอบครัวไม่ได้ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิตนั้น นายอนุชิต ระบุว่า ครอบครัวของสารวัตรกานต์ ไม่ได้มีเพียงแค่พี่ชายที่เป็นตำรวจ แต่ยังมีพ่อ และแม่ที่อายุมากแล้ว ซึ่งท่านก็มีข้อสงสัยในจุดต่างๆ อย่างไรก็ตาม เท่าที่ตนเองได้พูดคุยกับครอบครัวของสารวัตรกานต์ ทราบว่า ในระหว่างที่ตำรวจปฏิบัติการ และได้ประสานไปหาญาตินั้น พี่ชายของสารวัตร ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า ขอเวลาให้เขาเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุก่อน เพื่อร่วมปฏิบัติการได้หรือไม่ พร้อมทั้งขอยังไม่ให้สั่งการบุกเข้าไปควบคุมตัว ซึ่งพี่ชายอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ อาจต้องใช้เวลาเดินทาง แต่ท้ายสุดเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้รอ ซึ่งครอบครัวเชื่อว่า หากพี่น้องได้มาพูดคุย จะสามารถทำให้อารมณ์เย็นลงได้ แม้ว่าจะได้วิดีโอคอลกับแม่แล้ว แต่ก็ไม่เหมือนการได้เจอกันต่อหน้า เพราะอยู่ในภาวะที่กำลังคลุ้มคลั่ง

อ่านต่อ : ทั้งนี้ ทางครอบครัวต้องการให้มีพนักงานอัยการ เข้ามาร่วมสอบสวนด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เพราะการเข้าปฏิบัติการ กระทำโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงต้องการให้มีหน่วยงานกลางเข้ามาร่วมสอบสวน รวมถึงพิสูจน์หลักฐาน ส่วนที่กำหนดระยะเวลาภายใน 3 วัน เพราะกลัวว่าหากผ่านระยะเวลาไป หลักฐานต่างๆ ในที่เกิดเหตุ จะไม่สามารถพิสูจน์ได้แล้ว ส่วนเรื่องการเยียวยา ตอนนี้ทางครอบครัวยังไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้

ภายหลังจากทนายความ ได้เข้ายื่นหนังสือ และพูดคุยกับตำรวจ โดยใช้ระยะเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ทนายความ ได้เปิดเผยว่า จากที่ได้พูดคุยกับตำรวจ ซึ่งมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงอยู่ด้วย ก็ยืนยันว่าจะมีการสอบสวนพยานเพิ่มเติม เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริง และจะให้ความเป็นธรรมกับญาติของผู้เสียชีวิต ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งอยู่ระหว่างการประชุมหารือกัน และตามขั้นตอนแล้วก็จะต้องเชิญอัยการเข้ามาร่วมสอบสวนข้อเท็จจริงอยู่แล้ว แต่กรอบระยะเวลาภายใน 3 วัน ตามที่ครอบครัวขอนั้น อาจจะทำได้ไม่ทัน เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ จึงต้องใช้ระยะเวลา ซึ่งหลังจากนี้ ตนเองจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีนี้ด้วย และในวันพรุ่งนี้ (21 มี.ค.) พี่ชายของสารวัตรกานต์ ที่เป็นตำรวจ ก็จะเดินทางมาที่กรุงเทพฯ เพื่อติดตามเรื่องนี้ด้วยตนเอง

ขณะที่ในส่วนของตำรวจนั้น ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมในเวลาประมาณ 13.00 น. ก็ได้เดินทางออกจากสถานีตำรวจนครบาลสายไหม ทันที ในจังหวะที่สื่อมวลชนกำลังสัมภาษณ์ทนายความของครอบครัวสารวัตรกานต์อยู่

ต่อมาทางผู้สื่อข่าวท็อปนิวส์ จึงได้โทรศัพท์ไปสอบถาม พลตำรวจตรี สมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล โดยเปิดเผยว่า ตนเองพร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวน กำลังเดินทางไปพบกับพนักงานอัยการ เพื่อพูดคุยประสานหารือในการเชิญพนักงานอัยการเข้ามาร่วมสอบสวน เนื่องจากสำนวนคดีนี้ เป็นคดีวิสามัญฆาตกรรม ซึ่งตามขั้นตอนของกฎหมาย จำเป็นต้องมีหน่วยงานกลางเข้ามาร่วมสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อให้ได้ข้อสรุปอยู่แล้ว

ส่วนกรณีที่ครอบครัวของสารวัตรกานต์ ระบุระยะเวลาว่า ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้นภายใน 3 วันนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะคดีนี้มีรายละเอียดมาก จึงต้องใช้ระยะเวลา ซึ่งจะต้องเรียกสอบปากคำโดยละเอียด และระบุไทม์ไลน์เหตุการณ์ รวมถึงตำแหน่งในการเข้าปฏิบัติการให้ชัดเจน จึงขอเวลาทำสำนวนก่อน ซึ่งเบื้องต้นได้พบ และพูดคุย เพื่อทำความเข้าใจกับทนายความของครอบครัวสารวัตรกานต์แล้ว ซึ่งทางทนายความก็เข้าใจในขั้นตอนการทำงานของตำรวจ โดยตนเองขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่จะให้ความเป็นธรรมกับญาติของผู้เสียชีวิต และจะเร่งดำเนินการเพื่อให้ข้อเท็จจริง หรือข้อสงสัยต่างๆ กระจ่างต่อสังคม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“มาริษ"เผย 5 ตัวประกัน สภาพร่างกาย-จิตใจ พร้อมกลับไทย
"ทัพเรือภาคที่ 3" จับกุมเรือประมงเมียนมา รุกล้ำน่านน้ำไทย
กระทบสุขภาพ เช็กค่าฝุ่นพิษเช้านี้ "กทม." ส่วนใหญ่สีส้ม "ลาดกระบัง" หนักสุด อีก 33 จังหวัด ทั่วไทยยังอ่วม
ยิ้มสดใส “อนุทิน” ควง นายกฯ เดินเล่นหิมะเมืองฮาร์บิน
"ปวีณา" พา "4 หญิงไทย" เหยื่อแก๊งจีนเทา ลวงอุ้มบุญบังคับรีดไข่ขายที่จอร์เจีย เข้าให้ข้อมูลจเรตำรวจ
รวบแล้ว! โจรชิงทอง 113 บาท มูลค่า 5.4 ล้าน กลางห้างดังปทุมฯ หลังไล่ล่ามา 4 วัน
"โฆษก กต." แจง "ชาวเมียนมา" ยังเข้าไทยที่ด่านแม่สาย-ท่าขี้เหล็กเป็นปกติ ชี้ข้อมูลคลาดเคลื่อน
"กองทัพพม่า" พ่ายยับ "ฐานทัพ" โดนยึด - BBC สำรวจ "ชเวโก๊กโก่" แหล่ง "จีนเทา"
"ดีอี" รุกตัดตอน “โจรออนไลน์” ออกมาตรการสกัดกั้น “บัญชีม้า-สัญญาณเน็ต” ชายแดนไทย-เมียนมา
“เต้” ขอโทษทีมบ้านพระอาทิตย์ ลั่นผมทำเต็มที่แล้ว ให้กล้อง 34 ชุด-ไม่มีกั๊ก

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น