กลายเป็นประเด็นในการเดินหน้าตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาราคาไฟแพง โดยเฉพาะจากการลงพื้นที่สอบถามความเห็นประชาชน โดยผู้ใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ยอมรับว่า ปัจจุบันค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือนค่อนข้างสูง และแพงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ ทั้งที่จำนวนการใช้ไฟฟ้าเท่าเดิม ทำให้ในแต่ละเดือนมีภาระค่าครองชีพเพิ่มขึ้นจากค่าไฟฟ้าประมาณ 30% ของรายได้
ส่วนสาเหตุที่ค่าไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้นนั้น หลายคนมองว่า อาจมาจากความต้องการและปริมาณไฟฟ้าที่ใช้ในแต่ละเดือนที่ไม่เท่ากัน โดยเฉพาะหากช่วงไหนอากาศร้อนประชาชนจะเปิดเครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ้น จึงมีส่วนทำให้ค่าไฟสูงขึ้นด้วย นอกจากนี้ มองว่า เมื่อมีค่าไฟฟ้าส่วนเกิน หรือ FT ที่การไฟฟ้าเรียกเก็บเพิ่มจึงทำให้ค่าไฟยิ่งแพงขึ้นไปอีก
รวมถึงมาจากค่าเอฟที ที่สูงขึ้น และปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ทำให้ค่าไฟบ้านแพงขึ้น ขณะที่บางราย ที่มีการติดตามข่าวสารได้บอกถึงสาเหตุที่ค่าไฟแพงว่า อาจจะมาจากเรื่องการปล่อยสัมปทาน เช่นเดียวกับธุรกิจปิโตรเลียมที่ให้เอกชนเข้าไปดำเนินการขุดเจาะก๊าซมาขายให้รัฐบาล โดยในส่วนของไฟฟ้ารัฐบาลอาจจะมีการนำเอาสัมปทานไฟฟ้าไปให้เอกชนดูแล จากนั้นภาครัฐก็ไปรับซื้อคืนและนำมาแจกจ่ายให้แก่ผู้ใช้ไฟ ทำให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันยังมีข้อเสนอไปถึงรัฐบาลว่า ควรเข้ามาดูแลในเรื่องค่าไฟอย่างเร่งด่วน ไม่ให้ค่าไฟปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม ซึ่งปัจจุบันค่าไฟฟ้าจะอยู่ที่ประมาณ 4-5 บาทต่อหน่วย โดยหากเป็นไปได้ อยากให้ค่าไฟลดลงเหลือเพียง 3 บาทต่อหน่วย ตลอดจนอยากให้รัฐบาลพพิจารณาเรื่องการปล่อยสัมปทานภาคเอกชนจนทำให้ค่าไฟแพง และผลประโยชน์ที่ได้รับไม่ตกกับประเทศชาติ โดย รัฐบาลควรที่จะนำเอาการผลิตไฟฟ้ากลับมาดูแลเองทั้งหมด เพื่อประชาชนจะได้ใช้ไฟฟ้าในอัตราที่ถูกลง