“บิ๊กโจ๊ก”เผยคำสั่ง “ผบ.ตร.” ไล่ออกราชการ “4 ตำรวจ ตม.” ปมอุ้มรีดทรัพย์ล่ามสาวจีน

"บิ๊กโจ๊ก"เผยคำสั่ง "ผบ.ตร." สั่งไล่ออกราชการ "4 ตำรวจ ตม." ปมอุ้มรีดทรัพย์ล่ามสาวจีน

จากกรณีสาวอายุ 38 ปี อาชีพล่ามแปลภาษาจีน ได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ดินแดง ว่า ถูกกลุ่มคนร้ายคล้ายตำรวจอุ้มรีดเงินโดย นายเฉิน (นามสมมุติ) อายุ 62 ปี นายจ้างที่ว่าจ้างให้เป็นล่ามแปลภาษา ต้องจ่ายเงินไปมากกว่า 10 ล้านบาท โดยเหตุเกิดขึ้นหลังจากไปต่ออายุหนังสือเดินทางที่ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ แล้วไม่สามารถทำธุรกรรมได้ ซึ่งต่อมา นายเฉิน ได้หลบหนีกลับประเทศจีนแล้ว แต่เพราะ แต่เนื่องจาก ผู้เสียหาย หวาดกลัวว่ากลุ่มคนร้ายจะหันมาเล่นงานแทน จึงขอให้ตำรวจติดตามจับกุมแก๊งคนร้ายให้ได้ อีกทั้งเชื่อว่าน่าจะเกี่ยวโยงกับเจ้าหน้าที่ทางการไทยด้วยนั้น

 

ล่าสุดทางด้านพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ผู้ก่อเหตุทั้งหมดได้ถูกเชิญตัวมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่แล้ว โดยเป็นตำรวจตำแหน่งสารวัตรฝ่ายสืบสวนสังกัด บก.ตม.1 จำนวน 2 นาย ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน ตำรวจชั้นประทวน 4 คน และบุคคลภายนอก ที่เป็นคนชี้เป้าอีก 1 คน โดยในวันนี้จะขอหมายจับก่อน 4 คน คือ สารวัตรสืบสวน บก.ตม.1 จำนวน 2 ราย และ ตำรวจฝ่ายสืบสวนชั้นประทวน จำนวน 2 ราย ที่ปรากฎตามภาพวงจรปิด และจะขยายผลขอหมายจับเพิ่มเติมผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด รวมถึงบุคคลที่ชี้เป้าด้วย

 

 

กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่เสียหายมาก ซึ่งทาง ผบ.ตร.สั่งให้ดำเนินคดีโดยเด็ดขาด ซึ่งในส่วนของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตนได้สอบถามไปยัง พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธ์ ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ในเรื่องการดำเนินการทางวินัย

รวมถึงการดำเนินการกับผู้บังคับบัญชาระดับ ผู้บังคับการ ผู้กำกับการ และรองผู้กำกับการ รวมถึงการปรับย้ายตำแหน่งในช่วงเดือนตุลาคม ก็ต้องพิจารณาอีกครั้ง เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว และทางตำรวจ สตม. ก็ถูกดำเนินคดีไปกว่า 100 นายแล้ว เบื้องต้นทาง ผบ.ตร.สั่งการให้ไล่ออกจากราชการทั้งหมด ส่วนในเรื่องคดีอาญาก็ต้องดำเนินการอย่างชัดเจน

 

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่ากรณีดังกล่าว เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงกับกรณีอุ้มชาวจีนที่ จ.ชลบุรี แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นพฤติการณ์ที่อุกอาจ จึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุ เคยก่อเหตุมาก่อนหน้านี้กี่ครั้ง ส่วนตัวเชื่อว่าจะต้องเคยก่อเหตุมาก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน รวมถึงกรณีนี้ไม่เชื่อมโยงกับการอุ้มคนจีนในพื้นที่ สน.ทองหล่อ แต่อย่างใด

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ทั้งนี้มีรายงานว่า ผู้ก่อเหตุที่เป็นตำรวจทั้ง 4 นาย ประกอบด้วยพันตำรวจตรี สรวิศ อินทร์ลับ , พันตำรวจตรี จิรภัทร บุญนำ ,ร้อยตำรวจโท สุริยะ รุกขชาติ และดาบตำรวจพีระศักดิ์ ยิ้มไพบูลย์ สังกัด สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง

นอกจากนี้ มีรายงานข่าวจากแหล่งข่าวระดับสูงของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ให้ข้อมูลว่า นายสาโรจน์ ทองค้าไม้ หรือ นายฉี ชาวจีนที่ถูกอุ้มรีดทรัพย์ กรมการปกครองได้ ขึ้นบัญชีเฝ้าระวังบุคคลดังกล่าวในฐานข้อมูลแล้ว ซึ่งหากมาติดต่อราชการเกี่ยวกับการทำหรือต่ออายุบัตรประชาชน จะต้องแจ้งให้นายอำเภอทราบ เพื่อจะนำตัวนายสาโรจน์ไปสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หรือ แจ้งพนักงานสอบสวนในท้องที่ให้มาเชิญตัวไปสอบสวน

โดยแหล่งข่าวระดับสูงเปิดเผยอีกว่า ในฐานข้อมูลกรมการปกครองยังพบว่าชื่อนายสาโรจน์ ทองค้าไม้ มีข้อมูลการเกิดในระบบ แต่ไม่เคยทำบัตรประชาชนมาก่อน และเพิ่งมีการทำบัตรประชาชน เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2565 ที่สำนักงานทะเบียนบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติ เพราะบุคคลทั่วไป ควรจะมีบัตรประชาชนตั้งแต่อายุ 15 ปี และคาดว่าน่าเป็นสวมข้อมูล โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องช่วยเหลือ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

กรมส่งเสริมสหกรณ์ เร่งเครื่องสนับสนุนอุปกรณ์การตลาดแก่สหกรณ์ หวังช่วยลดปัญหาการก่อฝุ่น PM 2.5 ภาคการเกษตร
คึกคัก "คู่รัก LGBTQ+ โคราช" ทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่กว่า 20 คู่ จูงมือจดทะเบียนสมรส
วิกฤตฝุ่น PM2.5! โรงเรียนสังกัด กทม. สั่งปิดแล้ว 195 แห่ง หลังฝุ่นพิษพุ่งเกินมาตรฐาน
"สมรักษ์" คอตก ศาลขอนแก่น สั่งจำคุก 2 ปี 13 เดือน คดีอนาจาร พรากผู้เยาว์ "สาววัย 17 ปี"
“ธนกร” แนะรัฐบาลฉวยโอกาสอีเว้นท์ใหญ่ช่วงเปิด “สมรสเท่าเทียม” ดึงนทท.ทั่วโลก
"มาริษ" เผย ตปท.ชื่นชมไทย "สมรสเท่าเทียม" มีผลบังคับใช้แล้ว
"เศรษฐา" ยินดี 23 ม.ค. "สมรสเท่าเทียม" เกิดขึ้นจริงด้วยพลังของทุกคน 
“ไทด์” สุดสงสาร “แตงโม” ไม่ได้โดนแค่กรีดขา แต่โดนเจาะน่อง-มันทะลัก
"พิชัย" โชว์วิชั่นเวที WEF ดาวอส ประกาศศักยภาพไทย พร้อมเปลี่ยนสู่ยุคศก.ดิจิทัล โลก AI
งานเข้า! "ตำรวจไซเบอร์" ชี้ล่าเหรียญ "Jagat" ฟันผิดกฎหมาย พบ 3 บัญชีโอนเงินผู้เล่นจริง จ่อเรียกสอบ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น