เลือกตั้งแข่งดุ ทำเงินสะพัดแสนล้าน ดันจีดีพีปีนี้โตอีก 0.5-0.7%

ม.หอการค้าฯ ชี้เลือกตั้ง 2566 แข่งขันดุเดือด คาดทำเงินสะพัดหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจ 1.0-1.2แสนล้านบาท หนุนจีดีพีเติบโตได้อีก 0.5-0.7% ขณะที่ทั้งปีนี้ยังคงไว้ที่ 3-4% ภาคธุรกิจมองเศรษฐกิจฟื้นชัดไตรมาส 4 รอชัดเจนเลือกตั้ง

วันนี้ (21 มี.ค.66) รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลการสำรวจ ผลกระทบของภาคธุรกิจต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน โดยเป็นการสำรวจความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ประกอบการภาคธุรกิจของไทย 600 ตัวอย่างทั่วประเทศ

 

 

สำหรับสถานการณ์ทางการเมืองนั้น ภาคธุรกิจกังวลต่อการจัดตั้งรัฐบาลว่า หากภายหลังการเลือกตั้งแล้วนโยบายไม่ได้รับการยอมรับ หรือมีเหตุตั้งรัฐบาลชุดใหม่แล้วมีภาพความขัดแย้งทางการเมือง รวมถึงความมีเสถียรภาพของรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะได้รับการยอมรับจากสังคมมากน้อยเพียงใด เนื่องจากในการจัดตั้งรัฐบาลรอบนี้ อาจจะเกิดเหตุการณ์ได้หลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการแลนด์สไลด์ การเปลี่ยนขั้วทางการเมือง เหตุการณ์นอกสภา นโยบายรัฐบาลจะเป็นอย่างไร เหล่านี้ล้วนสร้างความไม่มั่นใจให้กับผู้ประกอบการและนักลงทุน จึงทำให้ในช่วงไตรมาส 2-3 ของปีนี้ เป็นช่วงของการ Wait and See

 

รศ.ดร.ธนวรรธน์ มองว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้น่าจะเป็นการแข่งขันที่เข้มข้น แต่อยู่ภายใต้กติกา มีการรณรงค์หาเสียง ต่อสู้กันในเชิงการเมืองที่ค่อนข้างดุดัน เนื่องจากพรรคฝ่ายค้านประสงค์จะเป็นพรรครัฐบาล ภายใต้นโยบายแลนด์สไลด์ ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาล ก็พยายามที่จะมีที่นั่ง ส.ส.ในสภาฯ ให้มากที่สุดเช่นกัน ส่งผลให้มีเม็ดเงิน มีการใช้จ่ายเพื่อการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง สะพัดมากในช่วง 1 เดือนครึ่งก่อนการเลือกตั้งในเดือนพ.ค.ทุกเขตการเลือกตั้ง ทางมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยจึงประเมินเม็ดเงินที่จะเกิดขึ้นจากการเลือกตั้งเพิ่มจากช่วงก่อนหน้านี้ที่ประเมินว่าจะอยู่ที่ 4-5 หมื่นล้านบาท เป็น 5-6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะส่งผลทำให้เกิดเม็ดเงินสะพัดหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 1-1.2 แสนล้านบาทเป็นอย่างต่ำ กระตุ้น GDP ปีนี้ได้ราว 0.5-0.7%

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

รศ.ดร.ธนวรรธน์ ระบุว่า หลังจากจัดตั้งรัฐบาลแล้ว เสถียรภาพของรัฐบาลจะเป็นตัวสำคัญในการกำหนดทิศทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดีตามที่หลายฝ่ายต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งผ่านไปด้วยดี จัดตั้งรัฐบาลได้ รัฐบาลมีเสถียรภาพ มีนโยบายเศรษฐกิจเป็นที่ถูกใจ ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างเด่นชัดในไตรมาส 4 เป็นต้นไป

 

และทั้งปี ภาคเอกชนยังมองว่าเศรษฐกิจไทยจะโตได้ 3.35-3.82% ซึ่งอยู่ในกรอบเดียวกับที่ ม.หอการค้าไทยประเมินไว้ที่ 3-4% ในปีนี้ โดยภาคการท่องเที่ยวจะเป็นตัวหลักสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และมีเม็ดเงินจากการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเข้ามาช่วยให้เงินสะพัดในช่วงไตรมาส 2 และ 3

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น