เหิมไม่หยุด “แกนนำราษฎร ” เปิดแคมเปญ “โหวตเพื่อเปลี่ยน” เชื่อฝ่ายปชต.ต้องชนะ พร้อมชงแก้ม.112

เหิมไม่หยุด "แกนนำราษฎร " เปิดแคมเปญ “โหวตเพื่อเปลี่ยน” เชื่อฝ่ายปชต.ต้องชนะ พร้อมชงแก้ม.112

เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 22 มีนาคม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ แกนนำราษฏรและเครือข่าย นำโดย น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง โฆษกกลุ่มราษฎร นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์, น.ส.ธนพร วิจันทร์ หรือ ไหม และกิฟต์ ตัวแทนแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ร่วมแถลงจุดยืนและข้อเรียกร้องต่อการยุบสภาและการเลือกตั้ง พร้อมเปิดตัวแคมเปญ “โหวตเพื่อเปลี่ยน” สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง โดยมี นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ หนอนบุ้ง กลุ่มทะลุวัง นายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือ เก็ท กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ และนักกิจกรรมกลุ่มทะลุแก๊ซ ร่วมด้วย โดย น.ส.ภัสราวลี หรือ มายด์ เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ร่วม ของราษฎรและเครือข่าย

ในตอนหนึ่ง นายอานนท์กล่าวว่า นับจากช่วงต้นปี 2563 เป็นเวลา 3 ปีของการต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ จุดเริ่มต้นที่เรามาเรียกร้องให้กับคุณวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ วันนี้ พ.ร.บ.ซ้อมทรมานฯ ก็ได้ประกาศใช้ แม้ว่าจะถูกเลื่อนการบังคับใช้ออกไป แต่ต้องยอมรับว่านี่คือผลผลิตของพวกเราที่ออกมาเรียกร้อง ต่อสู้ร่วมกัน อย่างไรก็ตาม 3 ปีที่พวกเราออกมานั้น บาดเจ็บทั้งเสรีภาพ และบาดเจ็บในแง่ของร่างกาย เป็นสิ่งที่พวกเราสูญเสียไป เพื่อนเราหลายคนถูกทำร้ายร่างกายสูญเสียอวัยวะสูญเสียดวงตา เพื่อนเราหลายคนตอนนี้ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำด้วยข้อหาทางการเมือง อีกนับ 100 คนที่ต้องคดีทั้งที่เป็นการแสดงออกจากสันติ และเป็นการแสดงออกทางการเมือง เหล่านี้เป็นต้นทุนที่พวกเรายอมรับ และสูญเสียไป แต่มันจะถูกทวงคืนอย่างแน่นอน

“ผมว่า 3 ปีนี้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่พวกเราเรียกร้องมานั้น จะขับเคลื่อนสังคมให้ไปสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ข้อเรียกร้องทุกข้อนับจากเวทีของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้งขอเรียกร้อง 10 ข้อ ยังคงเดินหน้าต่อไป บัดนี้พวกเราได้เตรียมขั้นตอนการเรียกร้องนำเสนอกฎหมายเข้าสู่สภาหลังจากที่มีการเลือกตั้งแล้วได้รัฐบาลที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง”

นายอานนท์ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสังคมจะต้องเปลี่ยนแปลงโดยสันติวิธี และพวกเราพร้อมที่จะก้าวไปสู่จุดนั้น อย่างไรก็ตาม เราขอเรียกร้องไปยังพรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ให้พวกท่านระลึกถึงอยู่เสมอว่าพวกท่านเกิดขึ้น และเติบโตมาจากหยาดเหงื่อ และชีวิตของพี่น้องประชาชน นับตั้งแต่การต่อสู้ทางการเมืองของพี่น้องปี 2553 ของคนเสื้อแดง ของเยาวชนคนรุ่นใหม่ จนวันนี้ความยุติธรรมของพวกเขาก็ยังไม่ได้รับการตอบสนองกลับคืนมาเป็นพันธะของพรรคการเมืองทุกพรรคที่ประกาศตนเป็นพรรคที่อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย ในการเลือกตั้งพวกท่านมีหน้าที่พันธะสัญญาที่จะต้องทำเรื่องพวกนี้ให้สำเร็จ” นายอานนท์ชี้
นายอานนท์กล่าวต่อว่า ในนามของราษฎรคนรุ่นใหม่ และในนามของอนาคตประเทศ จะจับตาการเลือกตั้งครั้งนี้ให้เป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม แม้ว่า 3 ปีนี้บ้านเมืองเราจะเปลี่ยนไปในหลายด้าน เราได้เห็นการปรับตัวของสถาบันฯ ได้เห็นการทำงานของสภาผู้แทนราษฎรที่ขยับเพดานขึ้นสูงกว่าที่เคยเป็นมา เราได้เห็นพรรคการเมืองที่ชูนโยบายที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างแท้จริง

“อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ต้องถือว่านับ 1 จากนี้เป็นต้นไป การเปลี่ยนแปลงจะต้องหยั่งถึงรากปัญหาสังคม เราจะพาพี่น้องที่ต้องลี้ภัยทางการเมืองกลับบ้านให้ครบทุกคน พาพี่น้องที่ติดคุกด้วยข้อหาการเมืองออกมาจากทุกคน และเราจะเปลี่ยนประเทศนี้ให้เป็นประชาธิปไตยร่วมกัน” นายอานนท์กล่าว

ด้าน.ส.ปนัสยา กล่าวว่า แคมเปญ “โหวตเพื่อเปลี่ยน” ยืนอยู่บนหลักการ 3 ประการ 1. การเลือกตั้งต้องฟรีและแฟร์ในทุกระดับ และกกต.ต้องมีคำตอบเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งที่เอื้อประโยชน์ให้บางพรรคบางกลุ่ม เราจะเรียกร้องให้นับคะแนนแบบเรียลไทม์ ขณะพรรคการเมืองต้องหาเสียงอย่างโปร่งใส ไม่โจมตีกัน สู้กันด้วยนโยบาย พร้อมกันนี้ขอร้องให้ประชาชนจับตาการเลือกตั้ง 2.ขอเรียกร้องให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยร่วมมือกันและชนะถล่มทลายตั้งรัฐบาลร่วมกัน เพื่อล้มเผด็จการได้ 3.การเลือกตั้งครั้งนี้เพื่อการเปลี่ยนแปลงและปฏิรูป ต้องมีการเปลี่ยนแปลงทุกองคาพยพ นำปัญหามาตรา 112 เข้าสภา แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูปกองทัพ และแน่นอนการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ต้องเกิดขึ้น โดยวันที่ 28 มี.ค. นี้จะมีการเสนอลงรายเอียดไทม์ไลน์สำหรับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นและได้ผลจริง นอกจากนี้จะมีการเสนอข้อเรียกร้องต่อการจัดตั้งรัฐบาลและนโยบายขั้นต่ำของฝ่ายประชาธิปไตย

 

ข่าวที่น่าสนใจ

จากนั้นน.ส.ภัสราวลี ได้อ่านแถลงการณ์ ว่าไม่มียุคสมัยอันเลวร้ายใดจะสามารถดำรงอยู่ได้ตลอดไป สืบเนื่องจากการยุบสภา ในวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ 2566 บัดนี้สัญญาณสำคัญในการสิ้นสุดยุคสมัยอันเลวร้ายได้ปรากฏขึ้นแล้ว อำนาจในการเลือกตั้งซึ่งเป็นความหวังในการเปลี่ยนแปลงได้หวนกลับมาสู่มือของประชาชนอีกครั้ง ตลอดระยะเวลา กว่า 4 ปี เราประชาชนต้องเผชิญกับการกดขี่ข่มเหงจากปกครองอันโสมม โดยรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจ ผ่านกลไกเผด็จการตามรัฐธรรมนูญ 2560 และรัฐสภาที่พรรคฝ่ายรัฐบาลมีที่มาจากการรวมตัวของ บรรดาพวกสับปลับปลิ้นปล้อน ไร้สัจจะที่หักหาญเจตจำนงของประชาชน จนนำมาซึ่งความเลวร้ายใน การบริหารประเทศนานัปประการ ดังที่ประชาชนทั้งหลายต่างทราบแล้วโดยทั่วกันเพื่อต่อกรกับการปกครองอันชั่วร้าย ตลอดเวลาที่ผ่านมา

เราประชาชนได้รวมตัวกันเพื่อ เคลื่อนไหว เรียกร้อง และต่อสู้ โดยประกาศเจตจานงอันเป็นฉันทามติร่วมกันของฝ่ายประชาชน ได้แก่ 1)ทรราชประยุทธ์จันทร์โอชาต้องลาออก2)การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และ3)การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ บัดนี้ แม้วาระของรัฐสภาและรัฐบาลทรราชจะได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ขอเราประชาชนจงอย่างได้ วางใจ เนื่องจาก แม้จะปราศจากตัวทรราชประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ระบอบประยุทธ์นี้ยังคงดารงอยู่ บรรดาทรราชเผด็จการชนชั้นนานี้ ได้จงใจออกแบบกลไกในการรักษาและสืบทอดอานาจให้บรรจุอยู่ใน รัฐธรรมนูญ ผ่านสถาบันต่าง ๆ เป็นต้นว่า ส.ว. ที่มีอานาจในการเลือกนายกใน 5 ปีแรก, การกำหนด ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี, กกต. ที่ปราศจากความยึดโยงกับประชาชน และมีแนวโน้มจะเป็นเครื่องมือของ เผด็จการ รวมถึงเครื่องมืออีกนานัปประการที่ทรราชเผด็จการชนชั้นนำจะสามารถควบคุมได้

ทั้งนี้ เพื่อการมีชัยเหนือระบอบทรราชชนชั้นนำ การต่อสู้ของเราฝ่ายประชาธิปไตยยังคงต้อง ดำเนินต่อไป การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นหมุดหมายสำคัญที่ฝ่ายประชาธิปไตยจะต้องยึดกุม และประกาศชัยชนะอย่างท้วมท้นเหนือฝ่ายเผด็จการ เพื่อให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยได้เสียงข้างมาก และร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล เพื่อนำไปสู่การปฎิรูปโครงสร้างในทุกองคาพยพได้อย่างแท้จริง

ในการนี้ เพื่อการเลือกตั้งในฐานะปฏิบัติการร่วมทางการเมือง เราราษฎรขอเปิดตัว กิจกรรม รณรงค์“โหวตเพื่อเปลี่ยน”(Vote for Change)เพื่อการร่วมมือกันของฝ่ายประชาธปิไตย อัน ประกอบไปด้วยหลักการสาคัญ 3 ข้อ ที่เป็นทั้งจุดยืน และลาดับข้อเรียกร้อง

 

ได้แก่ 1.
การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม: โดยประชาชนทั้งประเทศเข้ามามีส่วนร่วมในการพิทักษ์ เจตจำนงในการเลือกผู้แทนราษฎร ผ่านการกิจกรรมจับตาเลือกตั้ง สอดส่องการหาเสียงของบรรดา ผู้สมัคร กดดันและจับตาการปฎิบัติหน้าที่ของ กกต” และหน่วยงานรัฐทั้งหลาย ให้อยู่บนหลักของความ บริสุทธิ์ โปร่งใส และยุติธรรม

2.การเลือกต้ังที่ฝ่ายประชาธิปไตยชนะไปด้วยกัน: เราขอเชิญชวนและเรียกร้องต่อประชาชน และบรรดาพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยทั้งปวง ให้เดินหน้าร่วมกันเอาชนะฝ่ายเผด็จการผ่านการ เลือกตั้ง และผนึกกำลังพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเป็นเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล

3.การเลือกตั้งเพื่อการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอย่างแท้จริง: ภายหลังจากการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกันของฝ่ายประชาธิปไตย รัฐบาลจาเป็นต้องเดินหน้าสู่การปฏิรูปในทุกองคาพยพ ทั้งการปฏิรูป เศรษฐกิจ ปฏิรูปทางการเมือง ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และ การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์

ท้ายที่สุดนี้ เราราษฎรและเครือข่ายขอยืนยันด้วยใจอันเห็นประโยชน์แห่งมหาชนเป็นที่ตั้งว่า การมีชัยเหนือบรรดาองคาพยพทรราชชนชั้นนานั้นเป็นภารกิจที่ต้องเกิดขึ้นร่วมกันจากฝ่าย ประชาธิปไตยทั้งมวล และจะบังเกิดผลได้จริงก็เพียงด้วยการร่วมมือผนึกกำลังของกันของพี่น้อง ประชาชนในฝ่ายประชาธิปไตย จากทุกภาคส่วน ทุกกลุ่ม ทุกพรรคการเมือง เดินหน้าปฎิบัติการร่วมนี้ ด้วยแรงใจ แรงกาย เพื่อการจัดตั้งรัฐบาลของฝ่ายประชาธิปไตย และเดินหน้าสู่การปฏิรูปโครงสร้างใน ทุกระดับได้อย่างแท้จริง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น