“ศรีสุวรรณ” จ่อร้องถาม “ชัชชาติ” ปมสวนชูวิทย์ เป็นของแผ่นดินแล้วหรือไม่

"ศรีสุวรรณ" จ่อร้องถาม "ชัชชาติ" ปมสวนชูวิทย์ เป็นของแผ่นดินแล้วหรือไม่

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ตามที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อ ม.ค.59 ในคดีรื้อบาร์เบียร์ บริเวณสุขุมวิทซอย 10 เมื่อปี 2546 โดยตัดสินลงโทษจำคุกนายชูวิทย์ และพวก 2 ปี ลดจาก 5 ปีที่ศาลอุทธรณ์เคยพิพากษาไว้ อันเนื่องจากศาลฎีกาเห็นว่าหลังเกิดเหตุ นายชูวิทย์กับพวก ได้ร่วมกับจำเลยอื่นชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายไปบางส่วนแล้ว และยังมีการนำที่ดินพิพาทไปทำประโยชน์เป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนทั่วไปใช้ได้ โดยไม่ได้นำที่ดินไปทำธุรกิจแสวงหาผลกำไรอีก บ่งบอกว่าจำเลยรู้สึกสำนึกผิด นับว่ามีเหตุปรานี เห็นสมควรกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม พิพากษาแก้ว่าจากจำคุก 5 ปี ให้เหลือแค่ 2 ปี ไม่รอลงอาญา

สำหรับที่ดินที่นายชูวิทย์นำไปยื่นศาลเพื่อขอลดโทษนั้น ถูกนำไปสร้างเป็นสวนสาธารณะ เรียกว่า “สวนชูวิทย์” เป็นไปตามเงื่อนไขที่ให้ไว้ต่อศาล ที่จะยกที่เป็นสาธารณะประโยชน์ แต่ทว่าล่าสุด สวนดังกล่าวไม่มีแล้ว เมื่อพื้นที่สวนดังกล่าวกำลังก่อสร้างพลิกโฉมเป็นอาคารสูงโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ อันเป็นที่สงสัยและวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมกันอย่างมากว่า การอุทิศที่ดินของนายชูวิทย์ให้เป็นสวนสาธารณะ โดยมิได้นำไปจดทะเบียนนั้น จะถือได้ว่าที่ดินกล่าวเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามป.พ.พ.มาตรา 1304 โดยไม่จำต้องนำไปจดทะเบียนการให้ต่อเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 525 นั้น จะถือว่ามีผลโดยสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้วหรือไม่ หากมีผลสมบูรณ์แล้ว เป็นหน้าที่ของผู้ว่าฯกทม.ที่จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ซึ่งนายศรีสุวรรณ เตรียมนำความไปร้องถามผู้ว่าฯชัชชาติให้วินิจฉัยและดำเนินการในกรณีดังกล่าวตามหน้าที่และอำนาจ ในวันศุกร์ที่ 24 มี.ค.66 เวลา 10.00 น. ณ ศาลาว่าการ กทม.1 เสาชิงช้า เขตพระนคร

 

 

อย่างไรก็ตามปัญหาที่มีการถกเถียง คือ การใช้ที่ดินดังกล่าวจากการเป็นสวนสาธารณะ แล้วนำมาหาประโยชน์ อาจจะเป็นการละเมิดกฎหมาย เพราะเพียงการให้ที่ดินเป็นสาธารณะ ก็เท่ากับเป็นการยกที่ดินให้รัฐแล้ว ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9/2538 (ฉบับย่อย) ระบุว่า การอุทิศที่ดินให้ใช้เป็นสาธารณะ เป็นการสละที่ดินให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1304 ไม่ต้องจดทะเบียนการให้ต่อเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 525 ก็มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหว หากมีการนำเรื่องนี้ไปร้องศาล จะทำให้โครงการ “เทนธ์ อเวนิว” เกิดความไม่แน่นอนในการดำเนินโครงการต่อ และได้รับผลกระทบอย่างมหาศาลแน่นอน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ผู้นำปานามาลั่นคลองปานามาไม่ใช่ของขวัญจากสหรัฐ
จีนไม่เห็นด้วยหลังไทยยืนยันไม่มีแผนส่งกลับอุยกูร์ในขณะนี้
"ดีเอสไอ" อนุมัติให้สืบสวนคดี "แตงโม" ปมมีการบิดเบือน บุคคลอื่น-จนท.รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่
"พิพัฒน์" นำถก "คบต." ลงมตินายจ้างต้องยื่นบัญชีชื่อต้องการแรงงานต่างด้าว ให้เสร็จใน 13 ก.พ.68
ส่องรายได้ "ดิว อริสรา" หลัง "ไผ่ ลิกค์" เฉลยชื่อดาราดัง ปมยืมเงินปล่อยกู้ โซเชียลจับตา รอเจ้าตัวชี้แจง
ศาลให้ประกันตัว "หนุ่มลูกครึ่งอินเดีย" ขับรถชนไรเดอร์เสียชีวิต ตีวงเงิน 6 แสนบาท คุมเข้มใส่กำไล EM ภรรยาผู้ตาย ลั่นไม่ให้อภัย
ทบ.ขานรับนโยบายปราบยาเสพติด เพิ่มทหาร 6 กองกำลัง วัดเคพีไอ 10 กพ.-10 มิ.ย.
ซีพีเอฟ ซีพี-เมจิ ร่วมหนุนสระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ "รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย”
สละเรือแล้ว! "ผบ.อิสราเอล" ยื่น "ลาออก" เซ่นเหตุ 7 ต.ค. ไล่แทงกันในเทลอาวีฟเจ็บ 5
สุดปัง “นายกฯ” สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ ร่วมประชุม WEF

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น