วันที่ 23 มี.ค.66.-ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า เป็นเกียรติที่มาเปิดทีมเศรษฐกิจซึ่งยังมีอีกหลายคนที่จะมาร่วมงานอีก ขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ให้เกียรติกับรวมไทยสร้างชาติในการเดินหน้าประเทศระยะต่อไป จะเห็นได้ว่ามีทั้งคนรุ่นเก่า รุ่นแก่ (ชี้มือมาที่ตัวเอง) รุ่นกลาง และรุ่นเด็ก รวมๆกันมาพัฒนาประเทศ เพราะประเทศไม่ใช่ของใครคนนึง ประเทศไทยไม่ใช่สถานประกอบการธุรกิจ ประเทศไทยคือประชาชนทุกคนมีส่วนร่วม เป็นหุ้นส่วนของประเทศ สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรให้ทุกคนมีความสุข หลายคนมีประสบการณ์ยอดเยี่ยมในการทำงานที่ผ่านมา แต่สิ่งที่ตนไว้วางใจกับทุกคนคือ ทุกคนเคยทำงานกับตอนมาตลอดในรัฐบาลที่ผ่านมา และยังมีความคืบหน้าตามลำดับ ยืนยันว่าพรรครวมไทยสร้างชาติต้องการทำให้ประเทศชาติดีที่สุด หลายคนต้องคำนึงถึงว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้างก่อนหน้าที่ตนเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน 8 ปี ขอให้ทบทวนดูแล้ว อย่าให้เกิดขึ้นอีก 8 ปีที่พยายามทำต่อเนื่อง แก้ปัญหาดูแลประชาชนทุกคน ถ้าทุกคนเป็นหุ้นส่วนของประเทศเราต้องทำอย่างไรให้ประเทศเดินหน้า ไม่ทอดทิ้งทั้งระดับบน ระดับกลาง ระดับล่าง ต้องเผื่อแผ่ถึงกัน อนาคตเราสร้างตรงนี้มาพอสมควรแล้ว รวมถึงเรื่องดิจิทัล การใช้แพลตฟอร์มต่างๆ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิต ทั้งหมดที่พูดนี้รัฐบาลทำมาหมดแล้ว ทุกคนคนที่รักชาติบ้านเมืองต้องมาช่วยกัน ตนไม่สามารถทำคนเดียวได้ สำหรับประเทศชาติไม่มีพระเอก มีแต่คณะพระเอก ซี่งหมายถึงทุกคนเป็นตัวเอกหมด ส่วนตนมีหน้าที่บริหารพระเอกเหล่านี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตนมีประสบการณ์ในการบริหารพอสมควร ไม่ง่ายนักแต่ก็ไม่ยากจนเกินไปที่เราจะร่วมมือกันทำได้ แต่สิ่งที่จะขอคือความไว้วางใจ ถ้าเราไว้วางใจกันและกัน วันนี้เราจะเดินหน้าไปด้วยกัน นั่นคืออนาคต และนี่คือสิ่งที่ทีมเศรษฐกิจจะได้แสดงศักยภาพในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้า ตนไม่อาจหาเสียงแบบที่หากันได้มากนัก เพราะเป็นคนแบบนี้ และเคยบริหารราชการ ทั้งในส่วนปัจจุบันและกองทัพ
“เพราะฉะนั้นอย่าระแวงผม แต่เราต้องคำนึงถึงความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ สิ่งสำคัญต้องดูว่าประเทศไทยมีคนเท่าใด อันดับรายได้ การประกอบอาชีพมีเท่าไร จะแก้ปัญหาให้คนเหล่านี้อย่างไร ทำยังไงให้เส้นแบ่งความยากตนสูงขึ้นได้ อย่างน้อยจาก 30,000 บาท ก็อยากให้ได้ขึ้น 100,000 บาท โดยเร็วที่สุด”
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ การเพิ่มรายได้ต้องขับเคลื่อนด้วยคนที่มีประสบการณ์ มีความรอบรู้ มีความระมัดระวัง การบริหารประเทศต้องระวังที่สุด เพราะมีทั้งผลดีผลเสีย และอุปสรรค แต่ทำอย่างไรให้แก้ไขถูกวิธี ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่ล้าสมัยและมีผลกระทบต่อประชาชนในการประกอบอาชีพ พร้อมกันนี้ยังย้ำว่า สิ่งที่ตนไม่สามารถหาเสียงได้เหมือนคนอื่น เพราะทั้งหมดเป็นสิ่งที่เราทำมาแล้ว ชี้ให้เห็นแล้วว่าประเทศไทยอยู่ตรงนี้ได้
“วันนี้สื่อมาเยอะ เราไม่ใช่ศัตรูกัน บางเวลานายกฯ ก็… สวมเสื้อพรรคแล้วต้องพูดว่าผม ผมก็ลำบากใจ เพราะชิน (ชินที่แทนตัวเองว่า นายกฯ) ถ้าติดก็ขอโทษไม่ได้เจตนา อยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว ท่านก็ทำหน้าที่ของท่าน ผมก็ทำหน้าที่ของผม บางเวลาผมก็เครียด หงุดหงิดไปหน่อย ต้องให้อภัยกัน ผมก็ไม่เคยติดค้างใคร ไม่เคยโกรธเกลียดใคร มนุษย์เนอะ สัญชาติความเป็นมนุษย์ของผมสูง ถ้าเรารักกัน ผมโมโหท่าน ท่านก็ไม่รังเกียจผมอยู่แล้ว คนเราจะปกปิดทำไมเล่า เวลาผมโมโหก็โมโห แล้วผมหายไหม วันรุ่งขึ้นสื่อก็ถามผมใหม่ก็คนเดิม ผมไม่เคยโกรธใครเกลียดใคร เพราะท่านคือสื่อ คือเสียงของประชาชน”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า เราต้องรับฟังและถ่ายทอดสิ่งที่ดีงาม จะได้ช่วยกัน วันนี้เราก้าวมาค่อนทางแล้ว จะเดินไปถึงจุดที่ประเทศและประชาชนต้องการ ประชาชนฝากความหวังไว้กับตนได้
“วันนี้เป็นวันที่น่ายินดีของพรรครวมไทยสร้างชาติและประชาชน และคิดว่าประชาชนก็คงฝากความหวังไว้กับผมได้ ผมยืนยัน ผมจะทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด และนำพาบุคคลเหล่านี้ที่อยู่ในพรรคช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองไปสู่วันข้างหน้าที่สดใส ที่มีอนาคตกว้างไกลไปกว่าเดิม”
พร้อมกันนี้ ยังย้ำว่าอย่าลืม 8 ปี เกิดอะไรขึ้น สิ่งสำคัญที่ตนขออย่างเดียวคือความสงบของบ้านเมือง ไม่งั้นไม่ว่าใครก็ทำไม่ได้ อย่าลืมว่าที่ผ่านมาเราประคองมาขณะนี้ด้วยกฏหมายก็ยังต้องมีอยู่ เคารพซึ่งกันและกัน ไม่ใช่จะอิสระอะไรซึ่งกฎหมายสิ้นเชิงมันทำไม่ได้ คำว่าประชาธิปไตยมีขีดจำกัด ทั้งหน้าที่ ความรับผิดชอบ เคารพกฎหมาย พร้อมยกตัวอย่าง ในต่างประเทศทำรุนแรงกว่านี้ แต่ตนทำแบบนั้นไม่ได้เพราะนี่คือคนไทยด้วยกัน ทำอย่างไรให้เขาเข้าใจ ปรับตัว ว่าไม่ต้องรักตน แต่ให้รักประเทศชาติเท่านั้นเอง โดยชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์จะต้องยืนยงคู่กับประเทศไทยชั่วกาลนาน
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร่วมถ่ายรูปกับทีมเศรษฐกิจ พร้อมกล่าวว่า ถ้าทีมเศรษฐกิจเปรียบเหมือนยานยนต์ ก็มีทั้งรถสันดาป รถไฮบริด และรถไฟฟ้า ซึ่งนายไตรรงค์ ยกมือขึ้น บอกว่าตัวเองคือรถสันดาป ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าตนเป็นไฮบริดก็ได้เนอะเพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า พร้อมย้ำอนาคตของประเทศอยู่กับคนเหล่านี้
ก่อนที่สื่อจะสัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีภาพ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท ) พร้อมแกนนำไปร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อีกครั้ง หลังจากที่นายอนุทินได้ไปพบกับ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยเช่นกัน โดยพล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้อนถามว่า แล้วเป็นอะไรล่ะ สื่อถามว่ามีกระแสข่าวเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มันไม่ใช่เวลาอะไรในตอนนี้ มันยังไม่ได้เลือกตั้งเลย
สื่อถามว่า ที่มีการระบุว่าต้องให้เฉพาะพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตรเท่านั้น พรรคที่ได้อันดับ 1 ก็จะให้เป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ถ้าท่านพูดอย่างนั้นก็อย่างนั้น แต่เราต้องดูวันหน้าก็แล้วกัน”
สื่อถามย้ำว่าเห็นว่าได้มีการพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์แล้วจริงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็คุยกันว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบและปลอดภัย แต่ก็ต้องดูที่ผลการเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง ก็พูดแค่นั้น อย่าไปตีความกันเอาเองนะจ๊ะ