เหตุสลดใจรายนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 10 ส.ค. 2564 พ.ต.ท.อดิศร อินธิจักร สารวัตร(สอบสวน)สภ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด ได้รับแจ้งว่ามีเหตุแม่เชือดคอลูกเสียชีวิตแล้วไปกระโดดน้ำตายที่บ้านสิงห์โคก หมู่ 10 ต.สิงห์โคก อ.เกษตรวิสัย จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบพร้อมกับประสานแพทย์เวร รพ.เกษตรวิสัย และหน่วยกู้ภัยทางหลวงร้อยเอ็ด จากนั้นจึงรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา รอง ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด พ.ต.อ.วินทุ ฝังใจ ผกก.สภ.เกษตรวิสัย พ.ต.ท.ศักดิ์ดา เผ่าภูธร รอง ผกก.(สอบสวน) พ.ต.ท.ธนาธิป เฉลิมแสง สวป. พ.ต.ท.ไมตรี เศษโถ สารวัตร(สืบสวน) เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุบ้านเลขที่ 161 หมู่ 10 บ้านสิงห์โคก พบว่าเป็นบ้านไม้สองชั้นหลังใหญ่ ภายในพื้นกระเบื้องด้านล่างของบ้านบริเวณใกล้ประตูทางเข้า พบศพ นางสาวนันทนา คำนิล อายุ 20 ปี นักศึกษาปีที่ 1 เอกบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี นอนหงายเสียชีวิตเลือดนองพื้น สภาพศพสวมชุดนอนกางเกงผ้ายืดขาสั้นและเสื้อยืดแขนสั้นสีลายดำ มีบาดแผลถูกเชือดที่บริเวณลำคอ 1 แผลจนหลอดลมขาด และมีรอยแผลถูกของมีคมบาดเล็กน้อยที่แก้มซ้ายและแขนซ้าย โดยมีมีดทำครัวปลายแหลมเปื้อนเลือด ขนาดยาวพร้อมด้ามประมาณ 25 ซม.ตกอยู่บนพื้นๆใกล้ๆศพ และศพพึ่งเสียชีวิตยังไม่นาน
นอกจากนั้นยังพบว่านางไพวรรณ คำนิล อายุ 45 ปี แม่ของผู้ตายได้ขับรถ จยย.แบบหญิง ยี่ห้อออนด้า รุ่นสกูปปี้ไอ สีขาว ไปกระโดดน้ำตายที่หนองกระทุ่ม ซึ่งเป็นหนองน้ำสาธารณะประจำหมู่บ้าน อยู่ด้านทิศเหนือห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 1 กม. โดยชาวบ้านและหน่วยกู้ภัย ได้นำศพขึ้นมาจากน้ำแล้ว โดยสภาพศพของนางไพรวัลย์ สวมกางเกงขาสั้นสีแดงเสื้อยืดสีเหลือง มีน้ำไหลออกทางปากและจมูก ซึ่งชาวบ้านนำขึ้นจากน้ำลึกประมาณ 2 เมตร ห่างจากฝั่งประมาณ 50 เมตร
จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า ก่อนจะเกิดเหตุสลดใจในครั้งนี้ เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้นางไพวรรณได้สมรสกับอดีต รองนายก อบต.สิงห์โคก และมีบุตรสาวด้วยกันเพียง 1 คนคือ น.ส.นันทนา ต่อมาได้ช่วยกันประกอบอาชีพจำหน่ายวัสดุก่อสร้างในหมู่บ้าน โดยได้ไปกู้ยืมเงินจากธนาคารและนายทุนมาลงทุน เริ่มแรกกิจการก็ไปได้ดี แต่ต่อมาสามีได้เตรียมตัวที่จะลงนายก อบต.จึงใช้จ่ายเงินหาเสียงไปล่วงหน้าแต่ก็ยังไม่มีการเลือกตั้ง จนเกิดปัญหาเงินใช้จ่ายในครอบครัวแล้วทะเลาะกัน จนกระทั่งสามีได้แยกทางกับนางไพรวัลย์ไปมีภรรยาอยู่ที่ต่างจังหวัด ปล่อยให้นางไพวรรณ บริหารธุรกิจเพียงคนเดียวและต้องหาเงินใช้หนี้กว่า 5 ล้านบาท ต่อมาเมื่อเกิดวิกฤติโควิด 19 ทำให้ค้าขายไม่ค่อยได้ จึงขาดเงินส่งธนาคารและเจ้าหนี้ภายนอกก็ทวงถามมาเรื่อยๆ ทำให้นางไพรวัลย์เกิดความเครียดอย่างหนัก จนเกิดอาการซึมเศร้า และมักจะพูดเปรยๆกับคนข้างเคียงว่าถ้าตนเป็นอะไรไปคงไม่ไปคนเดียวจะเอาลูกไปอยู่ด้วย ซึ่งญาติๆก็ได้แต่ปลอบใจ จนกระทั้งคาดว่านางไพรวัลย์ได้ก่อเหตุเชือดคอลูกสาวขณะนอนเล่นแล้วเผลอหลับไปจากนั้นจึงไปเดินลุยน้ำตายตาม
นางร่วม ชาสนาม อายุ 67 ปี ชาว อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นแม่ของนางไพรรณบอกว่าตนมาอยู่เป็นเพื่อนกับลูกสาวและหลานสาวโดยไปๆมาๆอยู่เรื่อยๆ และพึ่งกลับบ้านไปเมื่อวันวาน ซึ่งเมื่อก่อนกลับบ้านตนก็สังเกตุเห็นลูกสาวมีอาการซึมเศร้าไม่ค่อยพูดค่อยจา แต่ลูกสาวก็ไม่เคยพูดอะไรให้ฟัง ก่อนจะก่อเหตุดังกล่าว
ทางด้านนายไพบูลย์ นารีไผ่ กำนัน ต.หนองแวง อ.เกษตรวิสัย ซึ่งเป็นญาติของสามีผู้ตาย บอกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้น่าจะมาจากสาเหตุของการแบกรับหนี้สินที่สามีสร้างเอาไว้จนถูกทวงถาม ประกอบกับช่วงโควิดขายของไม่ค่อยได้ จึงเกิดความเครียดไม่มีทางออก และสามีก็ไปมีภรรยาใหม่ สุดท้ายผู้ตายคงไม่มีทางออกจึงตัดสินใจก่อเหตุสลดในครั้งนี้เพื่อหนีปัญหาต่างๆที่รุมเร้า
ซึ่งพนักงานสอบสวนพูดสั้นๆบอกว่า สาเหตุที่น่าเชื่อว่าแม่เป็นคนก่อเหตุในครั้งนี้และฆ่าตัวตายตามนั้น เพราะมีจดหมายลาตายที่นางไพวรรณ เขียนด้วยปากกาลายมือตนเองเอาเป็นภาษากลางและภาษาถิ่นสรุปได้ว่าไว้#….ถ้าไม่มีเงินจัดงานให้ฝังหนูไว้กับลูกให้อยู่ด้วยกันทุกชาติ ลูกขอโทษทุกคนลูกหมดแรง หมดกำลังหมดหนทาง ใช้หนี้ไม่ไหวมันเข้ามาหาลูกทุกประตู มีแต่คนถามหนี้ รักพ่อแม่น้องลูกหลานทุกคนพี่น้องเพื่อน ลูกตัดสินใจจบชีวิตใช้หนี้ หากชาติหน้ามีจริงลูกขอเกิดเป็นลูกพ่อกับแม่อีก ทำอย่างไรก็ไปไม่ได้หนี้ธนาคาร 5,000,000 บาท จบชีวิตลูกตัวเองไม่อยากให้ลูกมีปัญหาตามมา ลูกไม่มีทางออกจริงๆ รักครอบครัวที่สุด เกลียดที่สุดอดีตสามี บอกทิดเขตด้วยให้โทรหาเบอร์น้องบี น้องบีรักเขต น้องบีไม่มีใคร ถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้ได้ครองคู่กัน บ้านเขวาใหญ่ ขอบคุณพ่อแม่พี่น้องที่คอยให้กำลังใจ แต่ไม่ไหวจริงๆ ถ้าเกิดมามีเงิน ถ้าลูกหลานมีปัญหาคงจะคิดนำใหญ่ ให้ทุกคนยกโทษให้ย่านำเด้อ…# ซึ่งจะสังเกตุเห็นได้ว่าในจดหมายจะมีรอยเปื้อนน้ำตาด้วย
และก่อนเกิดเหตุเพื่อนบ้านก็ได้ยินเสียงคนร้อง ก่อนจะเห็นนางไพวรรณขับรถ จยย.ออกจากบ้านไป ต่อมาเพื่อนบ้านจึงเดินเข้าไปในบ้านจึงพบ น.ส.นันทนาเสียชีวิตแล้ว และในเย็นวันนี้เวลา 16.30 น. ญาติพี้น้องและเพื่อนบ้านก็ได้นำศพไปฝังคู่กันตามคำสั่งเสียในจดหมาย ที่ป่าช้าดิบวัดสิงห์ทอง บ้านสิงห์โคก โดยไร้วี่แววของอดีตสามี มาร่วมงานศพของภรรยาและลูกสาวแต่อย่างใด มีแต่ญาติๆมาแทนบอกว่าติดต่อไม่ได้
โดยนายนำพงษ์ คำนิล อายุ 49 ปี พี่ชาย บอกว่า น้องชายหลงใหลในการเล่นการเมืองมากๆเป็นคนใจกว้าง จนที่ดินต่างๆของญาติพี่น้องก็มาขอยืมไปจำนองจำนำสุดท้ายใช้หนี้ไม่ได้ก็เลยหนีไปได้ 3 ปีเศษแล้วไม่เคยติดต่อกลับมาหาพี่น้องเลย ญาติคนใดอยากได้ที่ดินคืน จำเป็นต้องหาเงินมาไถ่ถอนเอาจากนายทุนและญาติหลายคนก็ต้องทำใจยอมให้เจ้าหนี้ยึดเอาที่นาที่ดินไป เพราะไม่มีเงินชดใช้หนี้ให้กับน้องชาย.
ภาพ/ข่าว สุพจน์ หินกอง ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ร้อยเอ็ด