ในบรรดานักการเมืองที่ย้ายพรรคก่อนการเลือกตั้งเที่ยวนี้ 2566 ไม่มีนักการเมืองคู่ใดกลุ่มไหนที่จะสั่นสะเทือนวงการและได้รับการจับตามองมากเท่า ” 2 ส.ก๊วนสามมิตร” หนึ่งคือสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม สองคือสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ที่ย้ายจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่อยู่มานานถึง 4 ปีกลับบ้านเก่าที่พรรคเพื่อไทย (พท.) เข้าคอกแม้วตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ ว่าทั้ง 2 คนเตรียมกลับไปอยู่ใต้ตีนพรรคทุนนิยมสามานย์พรรคกงสีตระกูลชิน ไม่แปลกที่ทั้ง 2 คนจะกลับไปอยู่กับเจ้านายเก่า เพราะสุริยะกับสมศักดิ์คือข้าเก่าเต่าเลี้ยงถูกคนในวงการมองว่าเป็นขี้ข้าแม้วมาตลอดอยู่แล้ว
สุริยะเกิด 10 ธ.ค.2497 ปัจจจุบันอายุ 69 ย่าง 70 ปี อดีตเคยเป็นรัฐมนตรีมาพอสมควรแต่มาได้ดิบได้ดีตอนอยู่ในคอกแม้ว เพราะเคยขึ้นชั้นเป็นรองนายกฯ เป็นรมว.อุตสาหกรรม เป็นรมว.คมนาคมสมัยทักษิณเรืองอำนาจ ไม่ต้องบอกว่าพุงกางมีความสุขมากขนาดไหนในตอนเสวยสุขอยู่าตอนนั้น อดีตเคยมีกรณีมีชื่อพัวพันการทุจริตเครื่องตรวจสัมภาระภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ “CTX9000″ แต่หลุดเพราะป.ป.ช.ยุคนั้นยกคำร้อง ก่อนถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549 กรณีจากพรรคเล็กลงเลือกตั้งหนีเกณฑ์ 20 % พอพ้น 5 ปีออกมาก็ได้เข้าร่วมกับพรรคภูมิใจไทย เมื่อ 14 มกราคม พ.ศ. 2552 แต่ก็ไม่ได้เข้าไปร่วมงานกับพรรคจริงจังอะไร จากนั้นมีข่าวลือว่าสุริยะป่วยเจ็บหนักด้วยโรคร้าย อาการปางตาย แต่ก็ไม่มีการยืนยันว่าเป็นอะไร สุริยะมาโผล่อีกทีเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2561 ในฐานะหัวหน้ากลุ่มสามมิตรหลังประกาศเข้าร่วมงานกับ พรรคพลังประชารัฐ ก่อนหน้านี้ก็พูดมาตลอดว่าอยู่กับลุงป้อมไม่ทิ้งพลังประชารัฐ ตอนหลุดห่วงชี้มูลจากป.ป.ช.เรื่องซื้อเครื่องบิน 10 ลำของการบินไทยสมัยตัวเองเป็นรมว.คมนาคม ชัวร์ว่าหลุดคดีได้ไม่นาน สุริยะก็ออกลายแถมไปบ้านเก่าไม่กี่วันก็แยกเขี้ยวหันมาแว้งกัดบ้านเดิมเข้าทำนองกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาเลยทีเดียว ” 8 ปีที่ผ่านมาที่มีการทำรัฐประหาร ทำโครงสร้างเศรษฐกิจพลังทลาย จนนักลงทุนไม่กล้าเข้ามา 4 ปีหลังพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล แต่เสียงไม่มากพอ ทำให้กระทรวงเศรษฐกิจไปอยู่พรรคอื่น ทำให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ และมีโอกาสไปพบกับประธานหอการค้า ช่วงหลังทุกคนบอกว่ารัฐบาลชุดนี้ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เลย ถ้าเกิดอยู่ต่อไปคงทุกข์ยากลำบากมาก บางคนที่สนิทกันก็มากระซิบว่าท่านย้ายพรรคเถอะ และลงพื้นที่เจอเพื่อนฝูง ไม่มีใครเชียร์ให้อยู่พรรคพลังประชารัฐเลย ” พุทโธ่อัดรัฐบาล
ด้านคู่ซี้อย่างสมศักดิ์ เกิด 13 ม.ค.2498 ปัจจุบันอายุ 68 ย่าง 69 ปี เป็นรัฐมนตรีมาแล้วสิบกว่าครั้ง แต่โด่งดังที่สุดก็ตอนอยู่กับพรรคแม้ว เพราะเป็นช่วงที่อู้ฟู้ที่สุดเพราะเคยได้รับความไว้วางถึงขั้นถูกวางตัวเป็นรองนายกฯ รมว.แรงงงาน รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา รมว.เกษตรและสหกรณ์ รมว.อุตสาหกรรม รมต.ประจำสำนักนายกฯ ฯลฯ เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจที่สมศักดิ์จะรักพ่อแม้วที่สุดเทิดทูนนักโทษหนีคดีเหนือสิ่งอื่นใด ถึงขนาดเปิดตูดย้ายพรรคออกมาไม่ทันข้ามวัน สมศักดิ์เปิดฉากนั่งโต๊ะแถลงแดกกลับพรรคเก่าเนรคุณ 2 ป.บูรพาพยัคฆ์เลย “วันนี้ฟ้าเปิด เมฆหมองจางหายสู่บรรยากาศประชาธิปไตย ผมประทับใจทีมเพื่อไทยที่เข้าใจ เป็นกลุ่มคนธรรมดาไม่ใช่คนที่มียศฐาบรรดาศักดิ์ที่พูดกับชาวบ้านแล้วไม่เข้าใจ” เรียงหินตวัดลิ้น ก่อนเลียบ้านเก่าแบบอวยไส้แตกน้ำตาลยังละลายยืนกรานจะอยู่พรรคนี้ตราบชั่วฟ้าดินสลาย ” ไม่เปลี่ยนขั้วแน่นอน จะตั้งใจทำงานเต็มที่เพื่อให้ได้ ส.ส.มากที่สุด” สมศักดิ์โชว์ปากหวานก็หน้าก็ประกาศมั่นใจเพื่อไทยแลนด์สไลด์แน่ๆ กิ้งก่าเปลี่ยนสีตามธรรมชาติถือเป็นเรื่องปกติที่เข้าใจได้ว่าต้องการเอาตัวรอด แต่เป็นคนเป็นมนุษย์ ยิ่งหากเป็นนักการเมืองที่อาสามาทำงานเพื่อบ้านเมืองเพื่อชาวบ้าน การเปลี่ยนสีสลับข้างไปมา เพื่อหาประโยชน์เอาตัวรอดให้ตัวเองมันดูต่ำช้าหน้าด้านเกินไป ด่าว่ากิ้งก่าก็สงสารมันเพราะมันเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่กำเนิด แต่พวกนักการเมืองเปลี่ยนสีย้ายพรรคแล้วมาอ้างเหตุผลหล่อๆ ด่าบ้านเก่าที่ให้ข้าวกิน ชุบเลี้ยงตอนลำบากแบบหน้าสลอน อันนี้ควรตราหน้าว่าเป็น “จิ้งจกเปลี่ยนสี” หรือจะประนามว่าเป็น “ปรสิตการเมือง” ชอบดูดชอบเกาะชอบกินหาผลประโยชน์ก็คงไม่ผิด บ้านเมืองไทยเลยไม่ไปไหนเลยฉิบหายมาจนถึงทุกวัน เพราะมีนักการเมืองอุบาทว์สันดานเลวอุดมการณ์ต่ำช้าพวกนี้มากเกินไป เลยทำให้นักการเมืองดีๆที่ทำงานแทบตายต้องมัวหมองถูกเหมาเข่งกับความระยำที่พวกนี้ทำแล้วกลายเป็นปลาเน่าทั้งเข่งไปด้วย
สมศักดิ์โคล้านตัวเรียงหินจนโด่งดัง ใครเลยจะไม่รู้จักอยู่พรรคไหนหัวหน้าตายหมดเข้าพรรคใดมีแต่มองหาตำแหน่งดีๆ ดูประวัติสิ จองแต่กระทรวงเกรดเออยู่แต่ที่ดีๆทั้งนั้น แต่ถ้าไปสืบสาแหรกดีๆจะรู้ บาดหมางกับเขาไปหมดหักหลังมาแล้วทุกคน ทิ้งประชัย เลี่ยวไพรัชต์ เทสมคิด หักหลัง 4 กุมาร ไล่กระทบ “อุตมม-สนธิรัตน์”ให้พ้นพรรค ปากหวานไม่ขอย้ายจากพรรคไหน ไม่มีทางเปลี่้ยนขั่้วการเมือง พูดมาล้านแปดครั้งฟังมาจนละเมอ สันดานสมศักดิ์เป็นยังไงคนไทยที่ตามการเมืองนานๆจะรู้ดี ถ้าไม่รู้ก็ไปฟังจากที่เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ว่าสุด สมศักดิ์ ถนัดเป็นรัฐบาล ฝ่ายค้านกูไม่ถนัดเป็นส.ส.ทุกครั้งไม่เคยนั่งข้างล่างเลย เพราะเป็นเสนาบดีมีชื่อมีตำแหน่งตลอด ศิษย์เอกธรรมกายสายจานบิน มายุคประยุทธ์ เสนอแก้กฎหมายลดโทษคนโกง เป่าคดีธรรมกายจากหนักเป็นเบา ไม่เดินหน้าไม่นำพา เพราะเป็นสาวกลัทธิอุบาทว์นี้แบบเข้าเส้นยกที่หลายร้อยไร่ให้ตั้งสำนักปฏิบัติธรรม เอาใจสามกีบร้องไห้สงสาร “แบมกับตะวัน” บีบน้ำตายังกะนักแสดงตุ๊กตาทองดาราได้ออสการ์ยังชิดซ้าย ไปตกปลาในบ่อปชป.เขาไม่เล่นด้วยเอาเรื่องนี้ไปบอกแกนนำพรรค บอกส.ส.พปชร.สายตัวเองให้ทยอยหนีพรรค “มึงไปก่อนเดี๋ยวกูตามไปทีหลังวันสุดท้ายเลย” ยังไม่ออกจากพรรคลุงป้อมแต่ไปกวักมือเรียกผู้สมัครพรรคพ่อมึงมานั่งฟังประชุม ฯลฯ มารยาทการเมืองอยู่ตรงไหน ยางอายสะกดเป็นไหม ทำไมถึงหยาบช้าขนาดนี้
สุริยะสร้างภาพให้ลุงป้อมตายใจมาตลอด บอกไม่ย้ายบอกไม่หนีถึงเวลาไปก่อนใครเพื่อนเลย แถมไปปุ๊บตั้งโต๊ะแถลงด่ารัฐบาล แซะลุงป้อมอัดบิ๊กตู่ก่อนเลย 8 ปีเศรษฐกิจประเทศพังทลาย 4 ปี ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้รับการแก้ไข ด่ากราดแต่คนอื่น คุณมึงไม่ใช่หรือที่เป็นรมว.อุตสาหกรรมมา 4 ปี นั่งทำเหี้ยทำห่าอะไรอยู่ จะมาอ้างว่าเพราะรมต.เศรษฐกิจอยู่ในมือพรรคร่วม โยนขี้ให้คนอื่นแบบอุบาทว์ แล้วที่เป่าสากพูดออกมาก็ไม่จริงสักแอ๊ะ ไปฟังบีโอไอแถลงตัวเลขคำขอการลงทุนไทยพุ่งทะยานบานเบอะ 2 เดือนแรกปี 66 คำขอ 305 % เงินลงทุนรวม 26,756 ล้านบาท ท่องเที่ยวไตรมาส 1 ปี 2566 เดือนมกราคม มีนักท่องเที่ยวเข้าไทยแล้ว 2.14 ล้านคน ขยายตัว 1,502.76% คาดคิว 1 เข้ามา 6 ล้านคน และตลอดทั้งปีนี้ ไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน อาจมีลุ้นถึง 30 ล้านคน ด้านความสุขไทยขยับขึ้นเป็นอันดับที่ 60 จาก 137 ประเทศทั่วโลก ในดัชนีประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก จากการสำรวจของ World Happiness Report ประจำปี 2566 ฯลฯ ยกข้อมูลดีๆ แค่หางหมามาบอก ที่พวกคุณมึงตอแหลหลอกชาวบ้านนั้นโกหกทั้งเพ พยายามบิดเบือนข้อมูลทำร้ายประเทศพ่อแม่ ทำลายชาติบ้านเกิดที่หากินสูบเลือดกันมานานเพื่อต้องการเอาใจโคตรพ่อที่ดูไบ ไม่อยากให้คนไทยหลงผิดไปกับความปลิ้นปล้อนกระร่อนของสุริยะกับสมศักดิ์เดี๋ยวคนไทยจะเข้าใจผิด บางคนโตเป็นควายหมาเลียตูดไม่ถึงจวนจะเข้าโรงอยู่แล้ว เป็นถึงนักการเมืองอาวุโสอยู่มานาน แต่ไม่มีสำนึก “ชั่วดีถี่ห่าง” ทางการเมืองเลย แก่เพราะกินข้าวเฒ่าเพราะอยู่นานจริงๆ กรณี “สมสาก ถนัดเป็นรัฐบาล” กับ “สุริยะ พุทโธ่” ถ้าจากกันด้วยดีไม่มีใครว่า ไม่ต้องตั้งโต๊ะเอาใจโคตรพ่อด่าบ้านเก่าแบบนี้ มันทุเรศมันต่ำตมเกินไป ความจริงไม่มีอะไรต้องเสียใจที่สองคนนี้ไปไกลๆ จากขั้วรัฐบาล เรือแป๊ะจะสูงขึ้น พื้นพลังประชารัฐจะไม่ทรุด แผ่นดินในทำเนียบจะเบาลง เพราะนกสองหัวไม่มีค่าไม่มีราคาอะไร หัวเสียหงุดงิดอยู่อย่างเดียวคือบิ๊กตู่สุภาพบุรุษเกินไป เลี้ยงงูเห่ามานาน ให้ข้าวหมาจิ้งจอกจนปีกกล้าขาแข็ง พล.อ.ประยุทธ์สุภาพบุรุษเกินไป เป็นนายกฯคนอื่น ถ้าพบของเสียเจอของเน่าได้กลิ่นตุ๊ๆ ว่าเป็นเนื้อร้าย เขาตัดทิ้งโยนให้หมากินไปแล้ว แต่ก็นั้นแหละเพราะความเป็นสุภาพบุรุษของบิ๊กตู่ ข้าหลายเจ้าบ่าวหลายนายหมาสองรางเลยได้โอกาสมางับขาเจ้าของอย่างที่เราเห็น
//////////////////////