“TOP News” เดินหน้าตรวจสอบข้อเท็จจริงปัญหาค่าไฟฟ้าแพงเกินจริง ประชาชนเดือดร้อนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการซื้อไฟฟ้าสำรองจากภาคเอกชนในปริมาณสูงกว่าสัดส่วนควรจะเป็น จนส่งผลกระทบต่อการคำนวณค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟในระดับต่าง ๆ ทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน
ล่าสุด รายการ Top Biz Insight ( 22 มี.ค.) นำเสนอข้อมูลกำลังการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. และจากการซื้อจภาคเอกชน โดยเน้นย้ำให้เห็นว่ากฟผ.ต้องซื้อไฟฟ้าจากเอกชน รวมๆแล้วเกิน 50 % แล้วผลิตเองในปริมาณกว่า 30 % เท่านั้น ขณะที่ถ้าเทียบกับอัตราสำรองไฟฟ้าของไทย ปี 2563 อยู่ที่ 41.1% , ปี2564 อยู่ที่ 42.1% , ปี 2565 อยู่ที่ 33.1%
โดยปี 2563 ซึ่งเป็นปีเริ่มต้นแห่งการแพร่ระบาดโควิด-19 ภาคอุตสาหกรรม ภาคการผลิต ภาคบริการ ถึงแม้จะหยุดชะงัก การท่องเที่ยวมีปัญหา โรงแรมส่วนใหญ่ต้องปิดให้บริการ แต่ปรากฎว่าอัตราสำรองไฟของไทยกลับสูงถึง 41.1% ส่วนปี 2564 ซึ่งต้องเผชิญภาวะวิกฤตโควิดอีกครั้ง อัตราสำรองไฟฟฟ้าของไทย ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 42.1% และปี 2565 เมื่อสถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มจะดีขึ้น แต่มีสัญญาณบ่งชี้ว่านโยบายเรื่องอัตราสำรองไฟฟ้าของไทยจะถูกทำให้ลดลง
ทั้ง ๆ ที่กรณีดังกล่าวภาครัฐควรมีระบบการจัดการมาก่อนหน้า โดย ณ เวลานี้ 2566-2568 ประเทศไทยกำลังขับเคลื่อนภาคธุรกิจ ดัชนีความเชื่อมั่นในภาคอุตสาหกรรมขึ้นไปเกือบ 100 แต่ปรากฎว่าหน่วยงานภาครัฐบอกจะลดอัตราสำรองไฟฟ้าลงเหลือ 15 % หลังจากเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องค่าไฟฟ้าแพงเกินจริง เพราะปริมาณการสำรองไฟฟ้าที่มากเกินความจำเป็น