“กรณ์” ออกโรงฟาดรัฐคิดค่าไฟซ้ำเติมปชช. ลั่นถึงเวลารื้อนโยบายนายทุนพลังงาน

"กรณ์" ออกโรงฟาดรัฐคิดค่าไฟซ้ำเติมปชช. ลั่นถึงเวลารื้อนโยบายนายทุนพลังงาน

วันที่ 25 มี.ค.66 ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตเศรษฐกิจชั้นใน ได้แก่ นายวรนนท์ อัศวกิตติเมธิน เขตสาทร ปทุมวัน ราชเทวี / นายปรัชญา อึ้งรังษี พรรคชาติพัฒนากล้า กทม เขตยานนาวา บางคอแหลม และนายปรินต์ ทองปุสสะ เขตวัฒนา-คลองเตย เขตวัฒนา คลองเตย ร่วมกันแถลงข่าว “ค่าไฟสุดโหด” จากนโยบายที่ “ต้ม” ประชาชนครั้งใหญ่ จากกรณีจะมีการขึ้นค่าไฟฟ้าในเดือนพฤษภาคมนี้ ว่า ทุกคนรู้ดีว่าในช่วงหน้าร้อนคนไทยใช้ไฟเพิ่มสูงมากกว่าปกติ ค่าไฟโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นพีคทุกครัวเรือน แต่รัฐยังประกาศจะขึ้นค่าไฟ ถือเป็นการซ้ำเติมประชาชน

นายกรณ์ ระบุว่า เวลานี้ ไม่มีเรื่องอะไรสำคัญเท่ากับเรื่องปัญหาค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน พรรคฯต่อสู้เรื่องนี้มาตลอด และมองว่าการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพง เป็นเป้าหมายสำคัญที่สุดเป้าหมายหนึ่ง

 

 

โดยหนึ่งในต้นตอที่มาของราคาสินค้าที่สูงขึ้นและภาระของพี่น้องประชาชนที่สูงขึ้น ก็คือ “ต้นทุนพลังงาน” และได้เสนอแนวนโยบายชัดเจนว่า จะแก้ปัญหาเรื่องน้ำมันแพง จะแก้ปัญหาเรื่องค่าไฟแพง ต้องไปรื้อที่โครงสร้าง

แต่ล่าสุด ตกใจมากกับการประกาศค่าไฟ ที่จะมีผลเริ่มบังคับใช้เดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2566 โดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ซึ่งกกพ.ได้พิจารณาภายใต้นโยบายที่ส่งต่อมาจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรี นั่งเป็นประธาน

นายกรณ์ ระบุว่า มติของกกพ. ล่าสุดวันที่ 22 มีนาคม 2566 ระบุว่าค่าไฟของพี่น้องประชาชน จะมีการปรับเพิ่มขึ้นเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เป็น 4.77 บาทต่อหน่วย จากปัจจุบัน ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย (เดือนม.ค.-เม.ย.66) ในขณะที่ค่าไฟของภาคอุตสาหกรรม จะมีการปรับลดลงจาก 5.33 บาทต่อหน่วย ลงมาเหลือระดับเดียวกับประชาชนคือ 4.77 บาทต่อหน่วย นั่นคือการเพิ่มขึ้น 1% ในส่วนของค่าไฟของประชาชน ในช่วงที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนที่สุด จากค่าไฟ ค่าน้ำมัน ที่แพงมากที่สุดอยู่แล้ว พร้อมกันนั้น มีการปรับลดค่าไฟให้กับภาคอุตสาหกรรมถึง 11%

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ซึ่งที่มาของการปรับค่าไฟครั้งนี้ คือ การปรับค่าเอฟที โดยที่ในส่วนของภาคประชาชน ค่าไฟครัวเรือนมีการปรับค่าเอฟทีเพิ่มขึ้น 5% แต่ได้มีการปรับลดค่าเอฟที ในการคำนวณค่าไฟให้กับภาคอุตสาหกรรม ถึงกว่า 30% ตรงนี้เป็นเรื่องที่พวกเราเห็นแล้ว อึ้ง เรามีความรู้สึกว่า แนวนโยบายการกำหนดค่าไฟแบบนี้ ไม่ได้คำนึงถึงความเป็นอยู่ของประชาชน ถ้าพูดกันตามตรงคือ ลำเอียง เข้าข้างภาคอุตสาหกรรม มากเกินไป

นายกรณ์ ระบุว่า ถ้ามาดูตามข้อเท็จจริง จะเห็นว่าต้นทุนหลักในการผลิตไฟฟ้า คือ ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG ) ซึ่งการผลิตไฟฟ้าของไทยโดยส่วนใหญ่ยังต้องอาศัยก๊าซธรรมชาติเป็นพลังงาน ในอดีตไม่มีปัญหาเพราะใช้ก๊าซ จากอ่าวไทย แต่ก๊าซจากอ่าวไทยไม่พอ มีความจำเป็นต้องนำเข้าก๊าซ LNG ซึ่งต้นทุนราคาก๊าซ LNG ได้ลดลงจากระดับ 70 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ลงมาเรื่อย ๆ จนถึงวันนี้ อยู่ระดับเพียงแค่ 11 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ซึ่งถ้าย้อนกลับไปเพียงแค่ช่วงต้นปีนี้ จะเห็นว่า การนำเข้า LNG อยู่ที่ระดับ 30 เหรียญสหรัฐ ต่อล้านบีทียู ตอนนี้ลดลงมาเหลือแค่ 1 ใน 3 แต่ทำไมค่าไฟของประชาชน ถึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับเพิ่มขึ้น

หรือถ้ามาดู อีกมิติคือ เรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งมีส่วนสำคัญ เพราะการนำเข้ายิ่งบาทแข็ง ก็ทำให้สามารถนำเข้าในราคาที่ถูกลง ซึ่งค่าเงินบาทก็ปรับแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ถ้าเทียบกับประมาณกลางเดือนมีนาคม ก็จะเห็นว่าปรับแข็งค่าขึ้นมาอยู่ในระดับ 34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัจจัย อัตราแลกเปลี่ยน ปัจจัยเรื่องต้นทุนก๊าซ LNG ก็มีภาระต้นทุนที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

นายกรณ์ ตั้งคำถามว่า ด้วยเหตุใด กพช.ถึงได้มีนโยบายไปที่กกพ. และทำไมกกพ. ถึงได้มีมติที่จะเพิ่มค่าไฟภาคครัวเรือน และลดค่าไฟภาคอุตสาหกรรม ถึง 11% โดยเฉพาะช่วงนี้ เรากำลังเข้าสู่ฤดูกาลที่ร้อนมาก ทุกหน้าร้อนก็จะมีการใช้ไฟในอัตราที่เพิ่มขึ้น โดยอัตราการใช้ไฟฟ้าจะพีคสูงสุดในช่วงเดือนเมษายน พฤษภาคม ซึ่งไม่ได้เป็นจังหวะที่เหมาะสมเลย ที่จะเพิ่มภาระให้กับพี่น้องประชาชน ในช่วงที่เค้ามีความจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้า มากขึ้น

 

 

พรรคชาติพัฒนากล้า ขอบอกว่า อุตสาหกรรมพลังงาน วิธีการคำนวณต้นทุนราคาพลังงานของพี่น้องประชาชน ต้องรื้อใหม่หมด ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าการกลั่น

นายกรณ์ ระบุว่า “ วันนี้ ยังไม่สายเกินไปครับ กพช. ควรที่จะปรับมติของกกพ.ครั้งนี้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อพี่น้องประชาชนในการที่จะต้องรับภาระต่อค่าไฟที่สูงขึ้นต่อไป ทั้งหมดนี้ เป็นกระบวนการที่ต้มประชาชน ในยามที่เขาเดือดร้อนอยู่แล้ว เพราะส่วนหนึ่งกระบวนการขั้นตอนที่สำคัญในการพิจารณาการปรับค่าไฟ คือการรับฟังความเห็นของประชาชน โดยที่กกพ.อ้างว่า ได้มีการเปิดรับฟังความเห็นของประชาชน และข้อสรุปความเห็นของประชาชนที่กกพ.อ้างถึง บอกว่า มีประชาชนเห็นดีด้วยกับการปรับค่าไฟ มากกว่าประชาชนที่อยากเห็นค่าไฟลดลงถึง 3 เท่า

“ภาระเรื่องของค่าครองชีพของประชาชนวันนี้หนักหนาสาหัสมาก เราลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ส่วนใหญ่ขอให้เราช่วยเรื่องค่าครองชีพ ของแพง ต้นทุนพลังงานเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ของแพง อย่าซ้ำเติมประชาชน อย่าเข้าข้างนายทุน ในระดับที่ทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อน นายทุนจะลดต้นทุนในเรื่องการผลิตนั้นเป็นเรื่องที่ผมเห็นดีด้วย และยินดีกับทางกลุ่มผู้ประกอบการ แต่ไม่ใช่ด้วยการเพิ่มต้นทุน หรือเพิ่มภาระให้กับพี่น้องประชาชนแบบนี้ มันไม่แฟร์ มันไม่ยุติธรรม นี่ไม่ใช่นโยบายการบริหารนโยบายพลังงาน การบริหารเศรษฐกิจของพรรคชาติพัฒนากล้า เพราะฉะนั้น ยังไม่สายเกินไป ขอให้ปรับเรื่องนี้โดยด่วน เพราะถือเป็นการต้มประชาชนครั้งใหญ่”

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“รองโฆษกรัฐบาล” ยืนยันค่าไฟไม่ได้เพิ่ม แต่ลดลงเหลือ 3.99 บ.ต่อหน่วย
โค้งสุดท้าย "พิพัฒน์" นำทีมภูมิใจไทย เคาะประตูบ้าน ชาวเมืองคอน ขอเสียงหนุน "ไสว" เป็นสส.เขต 8
ชาวเมืองน่าน เข้าพบ "นิพนธ์" อดีตรมช.มหาดไทย ผลักดันพิสูจน์สิทธิ ออกโฉนดที่ดินสำเร็จ หลังรอคอยนานกว่า 30 ปี
"สันติสุข" ปลื้มปริ่ม "ในหลวง-พระราชินี" ทรงขับเครื่องบิน เสด็จฯเยือนราชอาณาจักรภูฏาน ทรงได้รับการถวายพระเกียรติ สุดประทับใจคนไทย
“ทักษิณ” ลั่นไม่สั่งใครเบรค “กัน จอมพลัง” ยุ่งคดีพีช ฟาด "เต้ มงคลกิตติ์" หลังปูดข่าว
"เจ้าอาวาส" สุดทนขึ้นป้าย “ไม่มีเงินให้ขโมยแล้ว” หลังคนร้ายงัดตู้บริจาคหลายครั้ง
“ทักษิณ” กลับเชียงใหม่อีกครััง เปิดให้รดน้ำดำหัว ขอพรในเทศกาลสงกรานต์ ก่อนช่วย “อัศนี” หาเสียงพรุ่งนี้
“นายกฯ” เตรียมลุยประชุม ครม.สัญจร หลังออกจาก รพ.แล้ว จ.นครพนม 28-29 เม.ย.นี้
"ดีอี" ยกระดับศูนย์ AOC 1441 สู่ ศปอท. เพิ่มประสิทธิภาพบูรณาการข้อมูลปราบ “โจรออนไลน์”
"กนก" โพสต์แฟนข่าว "ท็อปนิวส์" เต็มอิ่ม สนุกสุดทัวร์ย้อนประวัติศาสตร์ "ลั่วหยาง-ซีอาน"

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น