วันที่ 11 ส.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านการะโก หมู่ 8 ต.หินเหล็กไฟ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากคณะกรรมการกองทุนฌาปนกิจศพหมู่ 8 ต.หินเหล็กไฟ จ่ายค่าปลงศพไม่ตรงกับผู้เสียชีวิต ทำให้ญาติซึ่งเป็นเจ้าภาพงานศพไม่มีเงินไปชำระหนี้ค่าของที่เชื่อมาจัดงานศพ
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอคูเมืองคณะกรรมการฌาปนกิจศพหมู่ 8 ต.หินเหล็กไฟ กำลังเจรจาหาข้อยุติ ที่ศาลากลางหมู่บ้าน เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตเป็นสมาชิกฌาปนกิจศพประมาณ 7 หมู่บ้าน ใน ต.หินเหล็กไฟ ซึ่งจะได้รับเงินค่าปลงศพรวมแล้วประมาณ 95,000 บาท แต่มีญาติสองฝ่ายแย่งเงินค่าปลงศพกัน
จากข้อมูลทราบว่าผู้เสียชีวิตคือนายรด เรืองฤทธิ์รัมย์ อายุ 85 ปี เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ศพตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ที่บ้านเลขที่ 33/1 หมู่ 8 ต.หินเหล็กไฟ อ.คูเมือง ซึ่งเป็นบ้านหลังที่นายรด ผู้ตาย อาศัยอยู่กับหลานมาเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา
แต่ก่อนหน้าที่นายรด ซึ่งไม่มีครอบครัว เคยอาศัยอยู่กับ นายเอ (นามสมมุติ)หลานอีกคน ที่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 8 ต.หินเหล็กไฟ โดยนายเอ เป็นคนเอานายรด ไปเข้าเป็นสมาชิกฌาปนกิจศพของหมู่บ้าน และจ่ายค่าสมาชิกมาโดยตลอด
ต่อมาเมื่อปี 2557 นายเอ ได้เสียชีวิตลง นายรด จึงย้ายทะเบียนบ้านมาอาศัยอยู่กับนางมณี ไชยสุวรรณ อายุ 59 ปี หลานนายรด อีกคน ที่บ้านเลขที่ 33/1 ม.8 ต.หินเหล็กไฟ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ โดยนางมณี เป็นผู้เลี้ยงดูและส่งเงินค่าสมาชิกฌาปนกิจเรื่อยมา จนนายรด เสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา
ปัญหามาเกิดขึ้น หลังจากคณะกรรมการฌาปนกิจศพ ได้เอาเงินที่เก็บค่าปลงศพจากสมาชิก ไปมอบให้กับภรรยาของนายเอ ที่เสียชีวิตไปแล้ว คณะกรรมการอ้างว่านายรด เคยอยู่บ้านหลังนี้มาก่อน
ทำให้นางมณี ซึ่งเลี้ยงดูนายรด มาเป็นคนสุดท้ายและเป็นคนจัดงานศพให้กับนายรด ไม่พอใจ เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.หินเหล็กไฟ เพื่อให้เอาผิดกับคณะกรรมการฌาปนกิจศพ พร้อมกับเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม อ.คูเมือง
นางมณี กล่าวว่า ตนเลี้ยงลุงมาตั้งแต่ปี 2557 และเป็นคนส่งเงินค่าสบทบกองทุนให้กับลุงมาโดยตลอด แต่คณะกรรมการกลับเอาเงินไปให้อีกครอบครัวหนึ่ง ซึ่งลุงไม่มีรายชื่อยู่ในทะเบียนบ้านแล้ว ที่สำคัญ”ตนเป็นคนจัดงานศพ ไปเชื่อของมาจัดงานศพ”หมดเงินไปกว่า 150,000 บาท เพราะลุงเคยสั่งไว้ว่าเงินฌาปนกิจศพที่ได้มา ให้เอามาจัดงานศพให้หมด
ร้อยตรี ขมทอง เรินไธสง ปลัดอาวุโส อำเภอคูเมือง กล่าวว่าจากการตรวจสอบระเบียบข้อบังคับของฌาปนกิจศพกลุ่มนี้ ทราบว่า การจ่ายเงินสบทบกองทุนสมาชิก เป็นการเหมาจ่ายเป็นครอบครัว ไม่ว่าสมาชิกในครอบครัวจะมีกี่คน ก็ตาม หากมีคนเสียชีวิต จะต้องส่งเงินสมทบครอบครัวละ 100-200 บาท ขึ้นอยู่กับกองทุนแต่ละหมู่บ้าน และผู้ได้รับผลประโยชน์จะต้องอยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกัน
โดยสรุปจากการเจรจาทั้งสองฝ่ายตกลงกันไปด้วยดี คนจัดงานศพได้รับเงินจำนวน 75,000 บาท ส่วนครอบครัวที่ผู้ตายเคยอาศัยอยู่แบ่งเงินไปจำนวน 20,000 บาท กรณีถือเป็นกรณีศึกษา ให้คณะกรรมการหรือผู้บริหารฌาปนกิจศพยึดถือเอาข้อตกลงหรือระเบียบของกลุ่มเป็นหลัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภรรยานายเอ ที่ได้รับเงินไปก่อนหน้านี้ แล้วเอามาคืนให้กับเจ้าหน้าที่ ไม่ขอให้ข้อมูลใดๆกับสื่อ อ้างว่าทุกอย่างจบแล้ว.
ภาพ/ข่าว เรืองรุจ วังแจ่ม ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.บุรีรัมย์