สั่งจำคุก “13 REDEM” รวมตัวป่วนหน้าศาลอาญา ซ้ำดูหมิ่นผู้พิพากษากดดันปล่อย”เพนกวิน”

สั่งจำคุก "13 REDEM" รวมตัวป่วนหน้าศาลอาญา ซ้ำดูหมิ่นผู้พิพากษากดดันปล่อย"เพนกวิน"

ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบ REDEM ที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายรอซีกีน นิยมเดชา / หทัยรัตน์ แก้วสีคราม / ศุภกิจ บุญมหิทานนท์ / วีรภาพ วงษ์สมาน / ปรณัท น้อยนงเยาว์ / พัชรวัฒน์ โกมลประเสริฐกุล / จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ / อิทธิกร ทรัพย์แฉ่ง / ปรีชญา สานจิตรสัมพันธ์ / สุทธิตา รัตนวงศ์ / โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง / ยงยุทธ อังนนท์ / ศรัณย์ อนุรักษ์ปราการ / ชนกันต์ เคืองไม่หาย / และนายชาติชาย แกดำ เป็นจำเลยที่ 1-15 ในความผิดฐาน “ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ”

โดยอัยการระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2564 เวลากลางวัน ได้มีการร่วมชุมนุมกลุ่ม REDEM จากการเชิญชวนของผู้ใช้เฟซบุ๊กกลุ่มเยาวชนปลดแอก-(Free YOUTH) ให้มาชุมนุมที่ศาลอาญา ประมาณ 300-500 คน โดยนำรถยนต์ติดตั้งขยายเสียง โจมตี เรียกร้องให้ศาลมีคำสั่งให้ประกันตัว นายเพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ กับพวก รวม 7 คน ฐานดูหมิ่นสถาบันฯ โดยพวกจำเลยได้กล่าวโจมตีการทำงาน ดูหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษา ย้ายแท่นแบริเออร์บริเวณเกาะกลางถนนเพื่อเปิดจุดกลับรถหน้าศาลอาญา แล้วชุมนุมจนเต็มพื้นที่ถนน ใช้ไข่ไก่ มะเขือเทศ ของเหลวสีแดง สาดใส่ป้ายสำนักงานศาลยุติธรรม และป้ายศาลอาญาเสียหายเปรอะเปื้อน

นอกจากนี้ จำเลยที่ 1-2 กับพวก รวม 50 คน ได้เดินข้ามถนนไปบริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 32 ต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ใช้หนังสติ๊ก / ลูกแก้ว / อุปกรณ์โลหะ / และประทัดยักษ์ ขว้างเข้าใส่ รวมทั้งผู้ชุมนุมใช้ท่อนไม้ หิน ขวดโซดา ขวดแก้วใส่น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีเศษผ้า ขว้างปาใส่รถเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ขับติดตามมา 4 คันได้รับความเสียหาย เป็นเงิน 983,200 บาท และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลอีก 4 คัน ได้รับความเสียหาย จึงขอให้ลงโทษพวกจำเลยตามความผิดด้วย ซึ่งคดีนี้พวกจำเลยปฏิเสธ และได้ประกันตัว

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยเมื่อช่วงเช้าวันนี้(28 มี.ค.66) จำเลยที่ 1-15 เดินทางมาฟังคำพิพากษา พร้อมทนายความ และมวลชนที่มาให้กำลังใจ ต่อมา ศาลอาญาพิจารณาพยานหลักฐานแล้ว ในส่วนของจำเลยที่ 1, 2 พยานโจทก์ที่นำสืบมามีความสงสัยตามสมควร จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยที่ 1 ,2 ในส่วนของจำเลย 3-15 พยานหลักฐานรับฟังได้ว่า การกระทำของจำเลย 3-15 กับพวกเป็นความผิดตามฟ้อง ยกเว้นความผิดฐานไม่ขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียง และฐานไม่ขออนุญาตจัดการชุมนุม เพราะไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลย 3-15 เป็นผู้จัดกิจกรรมการชุมนุม

ส่วนที่จำเลยที่ 3-15 นำสืบอ้างว่าเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญนั้น แม้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญได้รับรองเสรีภาพในการชุมนุมไว้ก็ตาม แต่ต้องไม่กระทบสิทธิหรือเป็นการละเมิดต่อบุคคล เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ในระหว่างการชุมนุมของจำเลยที่ 3-15 กับพวก มีการใช้กำลังประทุษร้าย และเป็นการก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ด่าทอ ดูหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษาในการพิจารณา หรือพิพากษาคดีอันเป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่นจึงมิใช่เป็นการชุมนุมโดยสงบตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

และการที่จำเลยที่ 3-15 อ้างว่าการชุมนุมดังกล่าวเป็นการตรวจสอบการทำหน้าที่ของผู้พิพากษาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น การพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว และการกำหนดเงื่อนไขอย่างใดในแต่ละคดีเป็นการใช้ดุลพินิจโดยอิสระขององค์คณะผู้พิพากษาตามกฎหมาย ข้ออ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น

จึงพิพากษาว่าจำเลย 3-15 มีความผิดฐาน “ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยผู้กระทำความผิดคนใดคนหนึ่งมีอาวุธ / กับฐานขัดขืนคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ไม่ยอมเลิกการมั่วสุม / และฐานฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตามความมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ” เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานขัดขืนคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ไม่ยอมเลิกการมั่วสุม อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกจำเลยที่ 3-14 คนละ 1 ปี และปรับคนละ 1 หมื่นบาท ส่วนจำเลยที่ 15 จำคุก 1 ปี ฐานร่วมกันดูหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี

และจำคุกจำเลยที่ 3-14 คนละ 2 ปี และปรับคนละ 2 หมื่นบาท ส่วนจำเลยที่ 15 จำคุก 2 ปี ฐานร่วมกันเดินเป็นขบวนใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับคนละ 300 บาท และฐานร่วมกันเทหรือทิ้งสิ่งปฏิกูล มูลฝอย น้ำโสโครก หรือสิ่งอื่นใดลงบนถนน ปรับคนละ 3,000 บาท

ทั้งนี้ รวมจำคุกจำเลยที่ 3 ถึง 14 คนละ 3 ปี และปรับคนละ 33,300 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี นอกจากนี้ ให้คุมประพฤติ และให้ทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ เป็นเวลา 12 ชั่วโมง / ส่วนจำเลยที่ 15 นั้น ทางนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษหนึ่งในสาม รวมโทษจำคุก 1 ปี 12 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และปรับ 2,200 บาท และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 และ 2

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ดนุพร" ขิงใส่ "บิ๊กป้อม ไม่ง้อพปชร. ลั่น 314 เสียง รัฐบาลมีเสถียรภาพแล้ว ชี้สส.ย้ายพรรคเป็นเอกสิทธิ์
ฝนดาวตก 'ไลริดส์' เจิดจรัสกลางฟ้าเสฉวน
ทรัมป์เรียกร้องปานามา-อิยิปต์เลิกเก็บค่าผ่านทางเรือสหรัฐ
คนร้ายขับรถพุ่งชนผู้คนที่นครแวนคูเวอร์ของแคนาดา
สุดใจบุญ “ลุงป้า” ขอส่งต่อเงินบริจาคบางส่วน มอบผู้เสียหาย เหยื่อลูกนักการเมือง อีกราย
"บิ๊กป้อม" อารมณ์ขึ้น ลั่นดังไม่ร่วมรัฐบาล มั่นใจไม่มีสส.พลังประชารัฐย้ายพรรค
ป่วนนราธิวาส! คนร้ายปาบึ้มฐานทหารพราน 2 ลูกซ้อน ชาวบ้านถูกสะเก็ดระเบิดเจ็บ 1 ราย
ผู้บัญชาการทหารเรือตรวจเยี่ยมกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด
คนไทยสุดซาบซึ้ง “ภูฎาน” จัดทำบทเพลงพิเศษเพื่อต้อนรับ “ในหลวง-พระราชินี”
"ดีอี" เตือนผู้ได้รับการแจ้งผ่านแอปฯ Mobile Banking ให้ลงทะเบียน “ชื่อบัญชีตรงกับเบอร์โทร” ก่อน 30 เม.ย.68

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น