4-7 เม.ย.2566 จะเป็นวันที่กกต.ประกาศรับสมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่ออย่างเป็นทางการ อย่าลืมการเลือกตั้งเที่ยวนี้เปลี่ยนระบบการเลือกตั้งใหม่ ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ได้มากเหมือนเก่าไม่ใช้ 150 คนแล้ว แต่ยุบไปเหลือแค่ 100 คนเท่านั้น ส่วนคะแนนในการหาส.ส.ระบบปาตี้ลิสต์เที่ยวนี้ก็ใช้วิธีการหาแบบเก่าเหมือนปี 40 ไม่ได้เป็นแบบมีเพดานส.ส.พึงมี ทุกคะแนนไม่ตกน้ำ เหมือนการเลือกตั้งเที่ยวก่อนตอน 24 มี.ค.2562 ที่ตอนนั้นโดยเฉลี่ยนส.ส.บัญชีรายชื่อแต่ละพรรรคมีคะแนนแค่ 70,000 ก็ได้ส.ส.ไป 1 คนแล้ว แต่รอบนี้ใช้สูตรหาร 100 ผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศเท่าไหร่ก็เอา 100 ไปหารเลย อย่างการเลือกตั้งคราวที่แล้วมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งประเทศ 51,239,638 คะแนน ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 38,268,366 คะแนน มีคะแนนเสีย 2,130,327 คะแนน ไม่ประสงค์ลงคะแนน 605,392 คะแนน เหลือคะแนนสมบูรณ์จริงๆ 35,561,556 คะแนน ถ้าเอา 100 หารก็ 350,000 คะแนน ถึงได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน คิดง่ายๆได้คะแนนพรรคล้านคะแนนก็ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อแค่ 3 คน เท่านั้น โคตรหินยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาสำหรับการเลือกตั้งเที่ยวนี้ ส.ส.เขตอาจบานออกจาก 350 เป็น 400 คน แต่ปาร์ตี้ลิสต์หดลงจาก 150 เป็น 100 คน เพราะฉะนั้นการแข่งขันเที่ยวนี้จึงมีสูง จึงไม่แปลกที่พอเห็นการประกาศรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ออกมา หลายพรรคถึงมีแรงกระเพื่อมอย่างหนัก แกว่งไหวเป็นอย่างสูงหลายริกเตอร์ โดยเฉพาะเมื่อชื่อไม่ได้อยู่ในลำดับที่ดีลำดับที่ปลอดภัยหรือเซฟโซน ตรงนี้ก็อาจทำให้เกิดปัญหาภายใน เกิดอาการงอนตุ๊บป่องกันได้ระหว่างแกนนำพรรคด้วยกันเอง
กรณีที่เกิดระเบิดลงกลางที่ทำการพรรคพลังประชารัฐของลุงป้อมแถวถนนรัชดา ที่จู่ๆ “อ.แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกมาแถลงทิ้งบอร์มประกาศลาออกจากบัญชีรายชื่อของพรรคทิ้งปาร์ตี้ลิสต์ไปดื้อๆ ก็เพราะเรื่องนี้แหละ มีอย่างที่ไหนทำอะไรให้พรรคมากมาย มาอยู่กับพรรคก็ก่อนใครเพื่อน จงรักภักดีกับลุงป้อมแทบตาย สุดท้ายอ.แหม่มกลับถูกจัดอยู่หลังไพบูลย์ นิติตะวัน อยู่หลัง “เสี่ยแบงค์” อธิรัฐ รัตนเศรษฐ อยู่หลัง “เสี่ยโอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ แถมยังอยู่หลังคนมาใหม่อย่าง “เจ๊มิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ไม่น้อยใจ ไม่นอยด์ ไม่เลือดขึ้นหน้าได้ไง ในเมื่อไม่ได้รับการโปรโมตไม่ได้ให้ความสำคัญ อย่าลืมว่าเที่ยวนี้พรรคลุงป้อมไม่มีตัวชูโรงอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ย้ายออกไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว คะแนนที่เคยได้คราวก่อนถึง 8.4 ล้านคะแนน รอบนี้จะเหลือเท่าไหร่ สันติคงเมากาวหรือสูดกัญชาถึงมั่นใจว่าพลรรคตัวเองจะได้ส.ส. 150 คน บัญชีรายชื่อ 6 ล้าน ได้ปาร์ตี้ลิสต์ 20 คน ส่วนวิรัชเงาป้อมก็มั่นใจใกล้เคียงกันได้ส.ส.เกือบร้อย บัญชีรายชื่อ 20 คน ทั้งที่ความจริงในวงการพูดกันว่าพลังประชารัฐอย่างเก่งเต็มที่ก็แค่ 2-3 ล้านคะแนนเท่านั้น บัญชีรายชื่อในเซฟโซนก็แค่ 5 คน นอกนั้นต้องลุ้นกันชนิดเยี่ยวเหนียว เพราะเรื่องนี้แหละที่ทำให้อ.แหม่มควันออกหู จนสะบัดบ็อบออกจากสำรับบัญชีรายชื่อของพรรค
“บัญชีรายชื่อเอฟเฟกต์” ยังสะเทือนลามไปอีกหลายพรรค ล่าสุดไปตกที่พรรคประชาธิปัตย์ สถาบันการเมืองสีฟ้าย่านพระรามหก เพราะจู่ๆ ช่วงดึกของคืนวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา “ตั๊น” น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อและรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาโพสต์คลิปวิดิโอการทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ตลอดระยะเวลา 13 ปี ตั้งแต่ปี 2553 ถึงปี 2566 พร้อมระบุข้อความในทำนองปริศนา พาฉงนความว่า “อยู่ที่ไหนก็ได้ ที่เค้าเห็นคุณค่าและผลงานของเรา 13 ปีกับพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่อายุ 25 ปี ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งแรก ในนามพรรคประชาธิปัตย์ รู้สึกเสมอมาว่าเป็นความภาคภูมิใจของตัวเราเองที่ได้ลงในนามพรรค เป็นพรรคที่สอดคล้องกับอุดมการณ์เพื่อพี่น้องประชาชนตามความตั้งใจของตั๊นตั้งแต่เด็ก วันนี้ตั๊นไม่ได้ยึดติดว่าจะต้องเป็นบ้านหลังไหน ขอเพียงมีอุดมการณ์เดียวกัน และให้โอกาสเราได้ทำงาน เพราะตั๊นยังยึดมั่นผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และ ประเทศชาติเป็นหลัก……ตลอดระยะ 13 ปี บนเส้นทางการเมือง ที่ได้มีโอกาสไป 76 จังหวัด ได้รับฟังปัญหา หาทางแก้ไขประสานงานเพื่อพี่น้องประชาชนมาตลอด ได้มีโอกาสทำงานกับผู้หลักผู้ใหญ่มากประสบการณ์ ทั้งเรียนรู้และปฏิบัติเอง นี่คือเส้นทางที่เราเลือกแล้ว เส้นทางการเมืองนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ นามสกุลก็เปลี่ยนมาแล้ว ผ่านมาทุกรูปแบบ งานในสภา ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ไม่ว่าเราจะอยู่จุดไหน ตั๊นก็ขอทำงานเพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติตลอดไปค่ะ”
ออกมาโพสต์แบบนี้ แมงเม่าแมงหวี่ตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย ตั๊นคงหมดใจถึงเวลาสิ้นสุดทางเลื่อนกับพรรคสีฟ้าแล้วแน่นอน ความจริงเค้าลางเรื่องจิตภัสร์ถูกคนในพรรคลอยแพไม่ได้รับการโปรโมตจากผู้ใหญ่ในพรรคมีการพูดถึงกันมานานแล้วสักพักแล้ว และยิ่งเห็นปัญหาเรื่องนี้มากขึ้นภายหลังจากที่ “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค ออกจากพรรคพลังประชารัฐแล้วมาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ อย่างที่ทุกคนทราบดีตั้นอญุ่กับพรรคมานานตั้งแต่สาวๆ อายุ 25 จวบจนวันนี้อายุ 38 ปี รวม 13 ปี ที่ผ่านมาก็ลงทุนลงแรงทุ่มเทให้กับพรรคมาตลอด แม้จะมีอยู่ช่วงนึงที่ออกไปร่วมงานกับกลุ่มกปปส.เพราะสนิทสนมศรัทธา “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ แม้เสร็จสิ้นศึกไล่ล่า “เจ๊ปูว์” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกฯไปได้ โดยที่แกนนำกปปส.หลายคนแยกย้ายออกไปอยู่กับพรรคใหม่ แต่ตั๊นก็ไม่ได้ไปไหน ยังคงปักหลังปลงใจที่จะอยู่กับพรรคเก่าแก่ต่อไป ยิ่งในช่วงก่อนหน้านี้พรรคสีฟ้ากระแสตกต่ำ คนแห่ออกจากพรรคชนิดเลือดไหลไม่หยุด แต่ก็ไม่เคยมีข่าวว่าตั๊นจะออกจากพรรคทิ้งบ้านหลังแรกไปเลย
ใครตามพรรคสีฟ้ามานานก็จะรู้ว่าพรรคนี้เคร่งครัดเข้มงวดเรื่องระบบอาวุโสมาก ถือเป็นหัวใจหลักสำคัญของพรรคเลย ปชป.มี “จุดแข็ง-จุดเด่น” เรื่องอาวุโสใครก็รู้ ขณะที่การจัดเรียงบัญชีรายชื่อของพรรคใช้สูตร 5ต่อ1 คือ ผู้ชาย 5 คน ต่อด้วยผู้หญิงหนึ่งคน ล่าสุดฝ่ายหญิงอาวุโสสูงสุดก็คือคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ที่ขึ้นหิ้งไปเป็นรมช.ศึกษาธิการแล้ว ส.ส.หญิงอาวุโสในพรรคคนต่อมาก็คือ “แม่เลี้ยงติก” ศิริวรรณปราศจากศัตรู ที่ก็ไขก๊อกลาออกไปอยู่กับบิ๊กตู่ที่พรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว ลำดับถัดไปก็คือ “ซ้อเจน” ศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ สายตรงเดอะมาร์คที่ล่าสุดก็ทิ้งปชป.ไปซบตักลุงป้อมแล้ว อาวุโสส.ส.หญิงสูงสุดในพรรคตอนนี้ก็คือตั๊นนี้แหละ เที่ยวหน้าถ้าพรรคสีฟ้าได้เป็นรัฐบาลตั้นก็ขึ้นหิ้งเป็นรัฐมนตรีหญิงแน่นอน แต่ทั้งหมดก็ไม่เกิดขึ้นไม่มีอะไรขยับไม่รู้ 3 เสือปชป. “จุรินทร์ -เฉลิมชัย-นิพนธ์” คิดกับตั๊นอย่างไร ถึงไม่ค่อยให้โอกาสทายาทสิงห์เท่าที่ควร ทั้งๆที่จงรักภักดีกับพรรคมานาน
เพราะเหตุใดสาวหัวใจสิงห์ถึงออกมาโพสต์ในทำนองนอยด์แบบนี้ ประการแรกก่อนหน้านี้ในช่วงที่มีการหาคนแทนที่ถาวรในตำแหน่งรมช.มหาดไทย ตั๊นก็ไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร เพราะสายใต้ผนึกำลังดันนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุงหลายสมัยขึ้นเป็นรมช.มหาดไทยแทน อันนั้นก็ทำตั๊นผิดหวังมาแล้ว แต่ก็พอรับได้เพราะนริศอาวุโส อยู่มานาน ทำงานให้พรรคเยอะ พรรษาการเมืองก็ระดับเจ้าอาวาส แต่ที่ทำให้ตั๊นเดือดปุดๆ ชนิดธาตุไฟแตก ทนไม่ได้ก็คือการเข้ามาของมาดามเดียร์นี้แหละ ขี้ใหม่หมาหอมน้องใหม่มาแรง นอกจากจะมีเงินมีทุนมีคอนเนกชั่นมากมายพอๆกันแล้ว กรณีที่มาดามเดียร์มีสื่อในมือครึ่งวงการมีสายสัมพันธ์มากมายของสามีและขุมข่ายสื่อในมือ ตรงนี้จึงกลายเป็นทีเด็ดให้มาดามเดียร์มีแต้มต่อตั๊น และทำให้แกนนำพรรคสีฟ้าหลายคนมารุมเอาใจ ล่าสุดก็มอบหมายให้เป็นทีมงานกรุงเทพมหานคร่วมกับองอาจและดร.เอ้ ล่าสุดกว่านั้นได้รับการโปรโมตให้เป็น 1 ใน ทีมเศรษฐกิจของพรรค ชูเป็น “ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดทุนยุคใหม่และซอฟต์พาวเวอร์” มีงาน มีหน้า มีภารกิจ ขณะที่ตั๊นถูกลอยแพ เป็นแค่อากาศในสายตาผู้ใหญ่ในพรรค ถูกด้อยค่ายิ่งกว่าฝุ่น PM 2.5 เป็นใครจะยอมไหว ออกไปอยู่พรรคอื่นที่เห็นค่าน่าจะดีกว่าทนทุกข์อยู่ในปชป. เหมือนวลีภาษาไทยที่ว่า คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก
///////////////////