AFP และรอยเตอร์ส์รายงานว่าไช่ อิงเหวินได้แถลงที่สนามบินนานาชาติเมืองเถาหยวนก่อนออกเดินทางไปเยือนกัวเตมาลาและเบลิซเป็นเวลา 10 วันในวันนี้ โดยกล่าวว่าแรงกดดันจากภายนอกไม่สามารถสกัดกั้นไต้หวันจากการเดินทางออกนอกประเทศ และว่าไต้หวันสงบนิ่งและมั่นใจ รวมทั้งจะไม่ก้มหัวให้กับแรงกดดันใดๆ แต่ไต้หวันจะไม่ยั่วยุใครเช่นกัน
การออกมาแถลงของผู้นำไต้หวันมีขึ้น หลังจากที่จู เฟิ่งเหลียน โฆษกสำนักงานด้านกิจการไต้หวันของจีนออกมาแถลงเตือนไต้หวันเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยเตือนว่าจีนจะใช้มาตรการตอบโต้หากนายเควิน แม็คคาธี ประธานสภาผู้แทนฯสหรัฐพบหารือกับไช่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ในช่วงที่ไช่หยุดแวะพักเครื่องหลังเสร็จสิ้นการเดินทางเยือนสองประเทศพันธมิตรที่อเมริกากลาง ขณะที่เหมา หนิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนก็ออกมาขู่สำทับอีกรอบ พร้อมกล่าวว่าการแวะพักที่สหรัฐของไช่เป็นความพยายามที่จะผลักดันนโยบายแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน และว่าความผิดพลาดในอดีตของไต้หวันไม่ได้หมายความว่าไต้หวันจะสามารถทำผิดพลาดได้อีกครั้ง
ไช่อิงเหวินมีกำหนดเยือนกัวเตมาลาและเบลิซ ซึ่งเป็น 2 ประเทศจาก 13 ประเทศพันธมิตรที่ยังคงรักษาความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับไต้หวัน โดยขาไปจะแวะพักที่นครนิวยอร์ก และขากลับแวะที่นครลอสแอนเจลิส ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าจะมีการพบปะกับแม็คคาธีในช่วงขากลับ แม้จะไม่มีการยืนยันจากฝ่ายใด อย่างไรก็ตามจีนจะถือว่าการพบปะระหว่างไช่และแม็คคาธีเป็นการยั่วยุ และเป็นการละเมิดต่อนโยบายจีนเดียวอย่างร้ายแรง และจีนจะไม่อยู่เฉย
ทั่งนี้นักวิเคราะห์มองว่าการแวะพักที่สหรัฐของไช่ครั้งนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ เพราะเป็นช่วงเวลาที่จีนกำลังยกระดับความกดดันไต้หวันทุกด้าน ทั้งด้านการทหาร, เศรษฐกิจและการทูต นับตั้งแต่ไช่เข้ารับตำแหน่งในปี 2559 ไต้หวันสูญเสียประเทศพันธมิตรที่เป็นทางการให้กับจีนไปถึง 9 ประเทศ ซึ่งเจมส์ ลี ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์สหรัฐ-ไต้หวันที่สถาบันซินิก้า ในไทเป มองว่ายิ่งจีนกดดันไต้หวันมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการผลักดันให้สหรัฐสนิทกับไต้หวันมากขึ้นเท่านั้น โดยสหรัฐยังคงเป็นผู้สนับสนุนด้านอาวุธรายใหญ่ที่สุดของไต้หวัน แม้จะยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันและเปลี่ยนมาสถาปนาความสัมพันธ์กับจีนในปี 2522 ก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ที่เป็นทางการกับไม่เป็นทางการก็ไม่แตกต่างกัน แต่กลับยิ่งแนบแน่นมากขึ้น เหมือนกับเป็นการชดเชยให้ไต้หวันที่ต้องสูญเสียพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่อดีตประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว ของไต้หวันซึ่งอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับไช่ อิงเหวินก็อยู่ระหว่างการเดินทางเยือนจีนอย่างไม่เป็นทางการ โดยระหว่างการเยือนอนุสาวรีย์รำลึกสงครามที่เมืองนานจิง หม่าได้เรียกร้องไต้หวันและจีนให้หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าและสงคราม โดยกล่าวว่าหากสงครามเกิดขึ้น มีแต่จะเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่และอะไรก็ไม่สามารถชดเชยได้