วันที่ 30 มี.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งร่วมมือกับทุกภาคส่วนรักษาเสถียรภาพระบบการเงินและเศรษฐกิจไทย และยินดีที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์แนวโน้มหนี้ครัวเรือนไทยปี 2566 จะชะลอตัวลงต่อเนื่อง
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้คาดการณ์หนี้ครัวเรือนของไทยจะลดลงต่อเนื่อง โดยมาจากปัจจัยสำคัญ ได้แก่ 1) ทิศทางดอกเบี้ยของไทยที่ยังคงเป็นขาขึ้น ประชาชนรายย่อยและภาคครัวเรือนมีความระมัดระวังในการก่อหนี้ใหม่ รวมถึงสถาบันการเงินยังคงระมัดระวังความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกหนี้บางกลุ่มอย่างต่อเนื่อง 2) แนวทางดูแลปัญหาหนี้ครัวเรือนของทางการไทย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยมีมาตรการและโครงการต่าง ๆ ทั้งการแก้ไขหนี้เดิมที่เน้นการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และการดูแลการก่อหนี้ก้อนใหม่ที่ในปี 2566 ซึ่งให้ความสำคัญเรื่องการดูแลความสามารถในการชำระคืนและไม่กระตุ้นการก่อหนี้โดยไม่จำเป็น
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้แนวโน้มหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ของไทยที่เริ่มมีทิศทางทรงตัวหรือปรับตัวลดลง โดยชะลอลงต่อเนื่องเป็นปีที่สองมาอยู่ที่กรอบประมาณ 84.0-86.5% ในปี 2566 เทียบกับตัวเลขคาดการณ์สิ้นปี 2565 ที่ 86.8% และระดับ 90.1% ในปี 2564 ซึ่งการปรับตัวลดลงจะส่งผลกระทบในเชิงบวก โดยแม้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนที่ลดลงอาจทำให้การบริโภคชะลอตัวในระยะสั้น แต่ก็จะส่งผลดีต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน ตลอดจนการเติบโตของการบริโภคและเศรษฐกิจในระยะยาว