ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ศาลฯได้เผยแพร่เอกสารข่าวแจกเกี่ยวกับคำพิพากษาดังนี้
1. พล.ต.ท.ธีรยุทธ กิติวัฒน์ จำเลยที่ 1 พล ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ จำเลยที่ 2 , พล ต.ต.สมาน สุดใจ จำเลยที่ 3 , พ.ต.อ.ปัทเมฆ สุนทรานุยุตกิจ จำเลยที่ 4 , พ.ต.อ.จิรวุฒิ จันทร์เพ็ญ จำเลยที่ 5 ,พ.ต.ต.สิทธิไพบูลย์ คํานิล จำเลยที่ 6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 (เดิม) และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10, 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
พล ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ จำเลยที่ 2 และ ด.ต.สายัณ อบเชยจำเลยที่ 8 มีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 (เดิม)
บริษัทพีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จํากัด จําเลยที่ 9 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วย ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 86
2. การกระทําของพล.ต.ท.ธีรยุทธ กิติวัฒน์ จำเลยที่ 1 พล ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ จำเลยที่ 2 , พล ต.ต.สมาน สุดใจ จำเลยที่ 3 , พ.ต.อ.ปัทเมฆ สุนทรานุยุตกิจ จำเลยที่ 4 , พ.ต.อ.จิรวุฒิ จันทร์เพ็ญ จำเลยที่ 5 ,พ.ต.ต.สิทธิไพบูลย์ คํานิล จำเลยที่ 6 เป็นการกระทํากรรมเดียวอันเป็นความผิดต่อ กฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ตามพระราชบัญญัติว่าด้วย ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มี โทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
จําเลยที่ 1 ถึงที่ 6 จําคุกคนละตลอดชีวิต และปรับคนละ 390,000 บาท
พ.ต.ท.คมกริบ นุตาลัย จําเลยที่ 7 จําคุก 5 ปี ด.ต.สายัณ อบเชย จำเลยที่ 8 จําคุก 19 ปี
บริษัทพีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จํากัด จําเลยที่ 9 ปรับ 260,000 บาท
3. ทางนําสืบของจําเลยที่ 1 ถึงที่ 8 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุ บรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53
จําเลยที่ 1 ถึงที่ 6 คงจําคุกคนละ 33 ปี 4 เดือน และปรับคนละ 260,000 บาท
จําเลยที่ 7 คงจําคุก 3 ปี 4 เดือน
จําเลยที่ 8 คงจําคุก 12 ปี 8 เดือน นับโทษของจําเลยที่ 2 ในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ อท 285/2561 ของศาลนี้ และไม่นับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขดําที่ อม.23/2564 ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง
เนื่องจากศาลพิพากษา ยกฟ้องตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อม.21/2565 ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ริบทรัพย์สินของจําเลยที่ 7 เป็นเงิน 60,000 บาท และริบทรัพย์สินของจําเลยที่ 8 เป็นเงิน 91,618,000 บาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน
โดยให้จําเลยที่ 7 และที่ 8 ส่งสิ่งที่ศาลสั่งริบ เป็นเงินแทนตามมูลค่าดังกล่าวภายในกําหนด 1 เดือน นับแต่วันอ่านคําพิพากษา หากจําเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 กรณีต้องกักขัง แทนค่าปรับให้กักขังเกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี ได้
จําเลยที่ 9 ซึ่งเป็นนิติบุคคลไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 29/1
ยกฟ้องจําเลยที่ 9 สําหรับฐานเป็นผู้สนับสนุน การกระทําความผิดของจําเลยที่ 2 และที่ 8